ผู้ประกอบการคลังสินค้ารับฝากเก็บข้าวสาร ยื่นหนังสือร้องทุกข์ ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

ผู้ประกอบการคลังสินค้ารับฝากเก็บข้าวสาร ยื่นหนังสือร้องทุกข์ ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 6 ตุลาคม 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ กระทรวงพาณิชย์ ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี นายศรรัก มาลัยทอง หัวหน้าศูนย์ประสานงานภาคประชาชน จ.ปทุมธานี พร้อมด้วย ศูนย์ประสานงานบางปะกง ได้นำผู้ประกอบการคลังสินค้ารับฝากเก็บข้าวสารประกอบไปด้วย รายชื่อคลังสินค้า คลังสุทธิวัฒน์ สกลนคร/คลังปัญจพล ชัยนาท/คลังเทียมศักดิ์นครพนม/คลังโชคไพสิฐ ราชบุรี/คลังวรโชติ อ่างทอง/คลังพรเจริญทวีโชค อุบล/คลังพิมายการเกษตร นครราชสีมา

เพื่อยื่นหนังสือร้องทุกข์ ต่อนายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ขอความอนุเคราะห์ให้องค์การสินค้าถอนอุทธรณ์และมีคำสั่งคืนหนังสือสัญญาให้ผู้ประกอบการฯ ที่ชนะคดีในชั้นศาลปกครองชั้นต้นแล้ว โดยมีนายกองตรีพิสิษฏ์ พิพัฒน์วิไลกุล ที่ปรึกษารมว.กระทรวงพาณิชย์ ออกมารับหนังสือในครั้งนี้แทน

นายศรรัก กล่าวว่า จากกรณีที่กลุ่มผู้ประกอบการคลังสินค้ารับฝากเก็บข้าวสารที่ชนะคดีในศาลปกครอง ชั้นต้นแล้ว แต่องค์การคลังสินค้าผิดสัญญาเรื่องไม่จ่ายค่าตอบแทนตามสัญญาและไม่คืน หนังสือค้ำประกันสัญญานับตั้งแต่รัฐบาล คสช ถึงรัฐบาล ประยุทธ์ นั้นซึ่งกลุ่มผู้ประกอบการทั้งหมด ได้เดินทางมาร้องเรียนที่ศูนย์ประสานงานภาคประชาชน ที่ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อให้ศูนย์ของเราช่วยประสานเรื่องดังกล่าว ต่อท่านรมว.กระทรวงพาณิชย์ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้

ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวมาจนบัดนี้เป็นเวลาเกือบสิบปีแล้ว ผู้ประกอบการได้มีการได้มีการพิสูจน์ในศาลปกครอง และศาลมีคำสั่งให้ผู้ประกอบการชนะคดีชั้นต้น แต่องค์การคลังสินค้าก็ยังไม่เห็นใจในความเดือดร้อนแสนสาหัสต่อผู้ประกอบการฯ ทั้งที่เงิน ประกันสินค้าก็เป็นเงินจากหยาดเหงื่อของผู้ประกอบการที่หามาทั้งชีวิตเพื่อนำมาค้ำประกันทำธุรกิจ อย่างตรงไปตรงมา

เมื่อผู้ประกอบการฯ ถูกกล่าวหาผู้ประกอบการฯ ก็ไม่สามารถใช้สิทธิหนังสือประกันนั้นได้เปรียบเสมือนถูกอายัดแต่ภาระที่ได้รับกลายเป็นแบกค่าธรรมเนียมไม่น้อยกว่าร้อยละ 2 ต่อปีของยอดเงินทั้งหมด ที่ต้องแบกภาระจนกระดูกสันหลังของผู้ประกอบการกลายเป็นคนป่วยทุพพลภาพ หย่อนกำลังความสามารถที่จะประกอบการทำงานตามปกติได้ไม่มีกำลังใจเพราะขบวนการที่ไม่ชอบธรรมด้วยวิธี พิเศษที่มีวลีบอกชัดว่า อีกไม่นานเราจะทำตามสัญญา สัญญา จนเศรษฐกิจของประเทศชาติ และ ประชาชนพังเสียหายย่อยยับล้มระเนระนาดผลพวงจากรัฐบาล คสช และ รัฐบาลประยุทธ์

วันนี้ กลุ่มผู้ประกอบการอยากถามกลับไปยังองค์การคลังสินค้า ท่านไม่เห็นใจประชาชนผู้ประกอบการฯอย่างพวกเราบ้างหรือ ถึงได้มีการอุทธรณ์คดีต่อไปเหมือนจงใจที่จะกดประชาชนผู้ประกอบการฯ ให้จมดินเลยใช่ไหม ทั้งๆที่ผู้ประกอบการได้แสดงความบริสุทธิ์ใจในศาลปกครองดังที่กล่าวมาข้างต้น เมื่อศาลปกครองมีคำสั่งให้ผู้ประกอบการฯ ชนะคดีแล้วทำไมองค์การคลังสินค้าถึงได้ใจดำอำมหิต กับประชาชนผู้ประกอบการฯ เช่นนี้ พวกเราประชาชนผู้ประกอบการฯ ขอเรียกร้องให้องค์การคลังสินค้า มีหัวใจ ที่มีคุณธรรม ถอนอุทธรณ์คดีด่วนที่สุด เพื่อรักษาโอกาสให้ประชาชนผู้ประกอบการฯ ได้มีแรงและลมหายใจต่อสู้ต่อไป

ขณะนี้บอกต้องการเข้าสู่โหมดปรองดองกลับคนในชาติให้กลับมารักมา สามัคคีกันแล้วเหตุไฉนทำไมหน่วยงานรัฐที่มีชื่อว่า องค์การคลังสินค้า ถึงยังไม่เริ่มทำเป็นแบบอย่างให้สังคมได้แลเห็นก่อนที่พวกเราประชาชนผู้ประกอบการฯจะมาร้องเรียกหาสิทธิของพวกเราในวันนี้เพราะพวกเราก็ไดชนะคดีในศาลชั้นต้นแล้ว ทั้งๆที่เราไม่ผิดพวกเรายอมเจ็บปวดยอมทน ทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสมาเกือบสิบปี พวกเรายอมกลืนเลือดยอมเจ็บปวด พวกเราจะไม่ฟ้องกลับต่อองค์กรรัฐใดพวกเราเพียงแค่มาร้องขอคืนความเป็นธรรมในส่วนที่เป็นสิทธิของพวก เราคืนให้กับประชาชนผู้ประกอบการฯ และจะได้เริ่มทำมาหากินได้ต่อไป

ดังนั้น วันนี้พวกเราประชาชนผู้ประกอบการฯ จึงมาขอความอนุเคราะห์ ฯพณฯท่านภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในนามรัฐมนตรีของประชาชน ตัวแทนพรรคเพื่อไทยพรรค ที่ประชาชนรักและและประชาชนเลือกมา พวกเราประชาชนผู้ประกอบการฯ เชื่อมั่นมีความหวัง ในการบริหารประเทศมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลไทยรักไทยที่ผ่านมา

และทำให้ประชาชนประเทศชาติได้ ประโยชน์จากการบริหารประเทศมาจนถึงพรรคเพื่อไทยในวันนี้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศกินอิ่ม นอนหลับลูกหลานมีความสุขอย่างปลอดภัยรวมถึงพวกเราประชาชนผู้ประกอบการขอฝาก ความหวังรัฐบาลของประชาชนพรรคเพื่อไทยช่วยคลี่คลายปัญหาให้กับประชาชนผู้ประกอบการที่ชนะคดีในศาลปกครองด้วยความเคารพ พิจารณาคืนหนังสือค้ำประกันฯให้แก่ประชาชนผู้ประกอบการฯอย่างด่วนที่สุด มิฉะนั้นผู้ประกอบการต้องแบกภาระค่าธรรมเนียมร้อยละ 2 ต่อปีอีก

นายสมศักดิ์ ล้อเพชรรุ่งเรือง ตัวแทนศูนย์ร้องทุกข์ภาคประชาชน จ.ปทุมธานี กล่าวว่า ศาลปกครองวินิจฉัยให้ผู้ประกอบการชนะคดี อคส. หลังจากที่ศาลปกครองได้มีคำพิพากษาออกมาแล้ว อคส. ได้เป็นอุทธรณ์ที่ศาลปกครองสูงสุดอีกครั้ง ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการมีความเดือดร้อนในเรื่องของหนังสือค้ำประกัน ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องนำเงินสดไปวางไว้กับธนาคารและเสียดอกเบี้ยด้วย

ดังนั้นการที่ศาลปกครองได้มีคำวินิจฉัยออกมาว่าผู้ประกอบการชนะ อคส. แต่ทาง อคส. นำหลักฐานอะไรไปอุทธรณ์ในครั้งนี้ ทั้งที่ก่อนหน้าศาลปกครองได้เรียกเก็บหลักฐานจนเสร็จสิ้นแล้ว คำวินิจฉัยเขียนชัดเจนว่าผู้ประกอบการโรงสีทุกรายทำถูกต้องตามกฎระเบียบ ดังนั้นการที่ศาลให้คำวินิจฉัยออกมาแล้ว อคส. ยังไปอุทธรณ์ต่อทำให้กลุ่มโรงสีมีความเดือดร้อนและที่สำคัญพวกเขาไม่ได้เป็นผู้สร้างความเดือดร้อน ปฏิบัติตามกฎระเบียบของรัฐมาโดยตลอด จริงอยู่ที่ในโครงการรับจำนำข้าวอาจมีผู้ที่กระทำความผิดแต่การใช้คำสั่งคสช.เหมารวมทั้งหมดเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง

วันนี้ผู้ประกอบการโรงสีต่อสู้ สู้มาสิบกว่าปี แล้วได้มีความชอบทำของศาลปกครองออกมาแล้ว วันนี้ทั้งหมดมีจุดประสงค์เดียวกันคือให้ อคส. ถอนอุทธรณ์จึงเดินทางมาที่กระทรวงพาณิชย์ มาพบท่านรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อจะให้ดำเนินการให้ อคส. ถอนอุทธรณ์ที่ศาลปกครองสูงสุด

ด้านนายกองตรีพิสิษฏ์ พิพัฒน์วิไลกุล ที่ปรึกษารมว.กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า วันนี้ตนได้รับมอบเป็นตัวแทนมารับหนังสือร้องทุกข์จากผู้ประกอบการ และจะนำเรื่องส่งมอบให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อดำเนินการต่อไป

ข่าวโดย กำพล วงศ์สุทธา ผู้สื่อข่าวจังหวัดปทุมธานี

เรียบเรียง มุมข่าว by siamnews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ