บิ๊กโจ๊ก ยื่นศาลอาญาไต่สวน ออกหมายจับมีพิรุธ ไม่ใส่ยศ

บิ๊กโจ๊ก ยื่นศาลอาญาไต่สวน ออกหมายจับมีพิรุธ ไม่ใส่ยศ

เมื่อวันที่ 26 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายการเรื่องเล่าเช้านี้ กรรมกรข่าวคุยนอกจอ ของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้สัมภาษณ์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ในวันนี้จะไปยื่นศาลขอความเป็นธรรมสั่งไต่สวนในทางละเมิดปมถูกบุกค้นบ้าน สงสัยพิรุธหมายจับค้นบ้านใช้เป็นนาย โดยไม่ใส่ยศตำรวจ ซึ่งโดยปกติจะไม่ทำกันแบบนี้ อย่างตนไปขอหมายจับก็ต้องใส่ยศไปทุกครั้ง และศาลก็ตีกลับมาทุกที โดยให้กลับไปทำหมายเรียกก่อน เพราะเขามีตำแหน่งและมีถิ่นที่อยู่ที่แน่นอน ถือเป็นการปกปิดหลอกศาลให้ออกหมาย และศาลอาญากรุงเทพใต้ไปขอหมายจับลูกน้องตนก็ใช้นายทั้งหมด เพื่อปกปิดไม่ให้ศาลรู้ว่าเป็น พล.ต.ต., พล.ต.อ. เรื่องนี้จึงถือว่าส่อพิรุธเพราะใช้เป็นนายหมด และเมื่อมาถึงบ้านตนก็ไม่ใช้เป็นบ้านของตน จึงยื่นศาลเพื่อขอให้ศาลให้ความเป็นธรรมเรื่องการละเมิดศาลและปกปิดข้อเท็จจริงอันควรนำให้ศาลทราบ

และต่อไปหากตำรวจทำแบบนี้ศาลก็จะแหยงตำรวจหมด เหมือนศาลถูกหลอก เพราะบอกข้อมูลไม่ครบ ถือเป็นการไม่ตรงไปตรงมากับศาล และต่อไปตำรวจจะทำงานยากขึ้นเวลาไปขอหมายศาลก็จะให้ยากขึ้น ขณะเดียวกันตำรวจที่จะทำคดีในขบวนการจะต้องรู้ด้วยว่าตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.และผู้ติดตามจะเป็นใครยังไง และการที่จะมาค้นบ้าน วิธีการของตำรวจก็จะต้องมาทดสอบเป้าก่อนแล้วและรู้อยู่แล้วว่าบ้านนี้มีใครอยู่

อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวตนได้พูดคุยกับ ผบ.ตร.แล้ว ซึ่งท่านก็เล่าว่าเขาเคยมารายงานว่าจะเข้า และบอกว่าก่อนจะเข้าก็ต้องมารายงานท่านก่อน แต่ปรากฏว่าเข้าไปค้นบ้านตนก่อนและค่อยมารายงานท่านในภายหลัง อยู่ๆ ก็เข้าเลยโดยไม่ได้บอก ผบ.ตร. และตนก็ไม่ได้ต่อว่า ผบ.ตร.ด้วย เพราะเหลืออีก 5 วันท่านก็เกษียณแล้ว

ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.กมค. กล่าวว่า การออกหมายจับที่ใช้คำว่านาย เพราะสืบค้นตามบัตรประชาชน และพบใช้ชื่อเป็นนาย แต่ในทางสืบสวนเราทราบอยู่แล้วว่าเป็นตำรวจ และได้สอบถามผู้บังคับบัญชาว่าไม่ใส่ยศได้หรือไม่ เพราะเป็นการให้เกียรติต่ออาชีพตำรวจ เลยไม่ใส่ยศเข้าไป แต่ในรายงานเราก็มีการใส่ยศไปทั้งหมดอยู่แล้ว และการพรินต์ภาพออกหมายจับหากคำนำหน้าเป็นนายก็ใส่ชื่อเป็นนาย

ซึ่งหลักในการออกหมายจับหลักสำคัญคือเลขประจำตัวบัตรประชาชน ชื่อนามสกุลต้องตรงกัน ในรายงานที่มีหมายจับก็ไม่ได้มีการปิดบังศาล อย่างผู้กำกับภาคภูมิในพยานหลักฐานหลายชิ้นก็ปรากฏเป็นยศของท่าน และในการทำรายงานความสัมพันธ์เกี่ยวข้องระหว่างบุคคลก็แน่นอนว่าเป็นตำรวจก็ไม่ได้ปิดบัง แต่ในการขอหมายศาลนั้นไม่จำเป็นต้องระบุยศก็ได้ ระบุเป็นนายตามบัตรประชาชนก็ได้ ก็เลือกที่จะระบุเป็นนายเพื่อให้เกียรติกันในเรื่องของอาชีพของเราด้วย และยืนยันว่าไม่ได้ปกปิด และศาลได้ซักถามเรา และเราก็ได้บอกตามข้อเท็จจริง และในหมายเราก็เลยใช้ชื่อในบัตรประชาชนตามทะเบียนราษฎร

ยืนยันว่าทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เราไม่ทราบว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงจะพักอาศัยอยู่ที่นั่นด้วย ซึ่งชุดจับกุมยืนยันว่าไม่ทราบจริงๆ พอรู้ผมตกใจเลยว่าเป็นบ้านพี่โจ๊ก หลายท่านก็ตกใจ เพราะหมู่บ้านนั้นเป็นหมู่บ้านปิด คนที่อยู่ในหมู่บ้านก็ทราบ หรือคนรู้จักมักคุ้นก็ทราบ แต่คนที่สืบสวนเขาอาจไม่ทราบ และพบว่าบ้านนั้นมีหลักฐานเชื่อมโยงผู้กระทำผิดไปพักอาศัย หรือเข้าไปทำกิจกรรมที่บ้านหลังนั้น และหลักฐานน่าเชื่อจึงนำไปสู่การออกหมายค้นและจับกุมตามหมายจับ และก็จับได้จริง

หลังออกหมายค้นได้คุยกับบิ๊กโจ๊กหรือไม่ ซึ่ง พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวว่า ได้คุยกันตอนชุดตรวจค้นไปถึง เพราะเขาโทรมา ซึ่งก็ตกใจ ก็ต้องเช็กกับชุดที่ตรวจค้นและลูกน้องว่าเป็นอย่างไร จึงได้ยืนยันได้ว่าไม่ทราบจริงๆ จึงได้ตรวจสอบว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไรกันแน่

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ