ชายพิการสุดช้ำ ถูกสาวใหญ่หลอกให้รัก และโอนที่ดิน สุดท้ายโดนทำร้ายไล่ให้ออกจากบ้าน

ชายพิการสุดช้ำ ถูกสาวใหญ่หลอกให้รัก และโอนที่ดิน สุดท้ายโดนทำร้ายไล่ให้ออกจากบ้าน

วันที่ 24 กันยายน 66 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายห้า อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 172 ม.4 ต.วังน้ำเย็น อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ชายพิการแขนซ้าย ตั้งแต่กำเนิด ว่าถูกสาวใหญ่หลอกให้ใส่ชื่อเข้าไปในโฉนดที่ดินโดยสัญญาว่าจะปลูกบ้านให้และรับเลี้ยงดูยามแก่เฒ่า แต่ระยะหลังกลับไม่ดูแลซ้ำยังให้หากินเอง ให้ทำงานบ้านเยี่ยงทาส และหากจะให้เอาชื่อออกจากโฉนดที่ดิน ต้องชดเชยเงิน 700,000 บาท โดยหวั่นจะไม่มีที่อยู่ยามแก่เฒ่าจึงวอนขอให้สื่อช่วยเหลือประสานหน่วยงานรัฐให้มาช่วยดำเนินการเพราะทุกข์ทรมานทั้งกายและใจอย่างหนัก

นายห้า อายุ 61 ปี พาชมบ้านของตัวเองพร้อมเล่าให้ฟังว่า ตนเองมีความพิการมาตั้งแต่เกิดที่แขนซ้าย คือไม่มีนิ้มมือและไม่สามารถยกใช้งานได้ จึงได้ไปบวชเรียนมาหลายสิบปี ก่อนที่จะสึกออกมาโดยบิดา มารดาได้มอบที่ดินให้ จำนวน 3 ไร่ 2 งาน ซึ่งแบ่งแปลงกับพี่น้องเป็นสัดส่วนคนละเท่ากัน โดยเมื่อปี พ.ศ.2561 ได้ปลูกบ้านอาศัยในที่ดิน ซึ่งช่วงนั้นได้มี นางหอม อายุประมาณ เกือบ 60 ปี ได้มาชอบพอกับตนเอง โดยเป็นสาวใหญ่ที่มีลูกติด และสุดท้ายได้ตกลงปลงใจที่จะมาขออาศัยอยู่ร่วมชายคาด้วยกันเพื่อหวังจะช่วยดูแลกันไปในบั้นปลายชีวิต

นายห้า เล่าต่อว่า จากนั้นอีก 1 ปีกว่า นางหอม ได้นำลูกชาย 2 คนและลูกสาว 2 คน มาอยู่ที่บ้านจนคนเต็มบ้านไปหมดและนางหอม กับ นางสาวลัดดา (ลูกติดของนางหอม) ได้มาบอกว่าอยากช่วยดูและอยากจะช่วยปลูกบ้านให้ ซึ่งตนเองก็เข้าใจว่าเขาจะมาดูแลตนเองช่วงบั้นปลายชีวิต จึงได้รับข้อตกลงว่าจะใส่ชื่อของนางหอม ลงไปในในหลังโฉนดที่ดิน ในพื้นที่แบ่งส่วนออกมา 1 ไร่ จึงจะปลูกบ้านให้

ด้วยความเชื่อใจจึงได้พากันไปที่สำนักงานที่ดินและได้ใส่ชื่อของนางหอม ร่วมในโฉนดที่ดิน ซึ่งในวันที่ไปใส่ชื่อในโฉนดที่ดิน ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้กำชับว่าต้องทำตามสัญญาคือเลี้ยงดู ตามที่ตกลงไว้หากไม่ทำตามเจ้าของที่ดินก็สามารถถอดชื่อจากโฉนดได้ ซึ่งนางหอมก็สัญญาเป็นอย่างดี โดยที่ตนเองก็มีรายได้จากเบี้ยผู้สูงอายุ และเบี้ยคนพิการ โดยได้นำมาใช้จ่ายในครัวเรือน ให้กับคนในบ้าน

นายห้า เล่าอีกว่า ช่วงแรกแม่ลูกก็ดูตนเองเป็นอย่างดี แต่ไม่นานทุกคนก็เปลี่ยนไปจากหาข้าวหาปลาให้กิน ก็ไม่เคยหากินข้าวร่วมกัน งานบ้านก็ต้องซักผ้า ถูบ้าน ทำงานทุกอย่างในบ้านเป็นเหมือนคนมาขออาศัย ซึ่งตนเองก็เก็บกดกับสิ่งเหล่านี้มานานหลายปีโดยไม่กล้าบอกกับพี่น้อง แต่เมื่อไม่มีข้าวกินก็ต้องไปอาศัยข้าวที่บ้านพี่สาวกินแทบทุกวัน วันไหนไม่ได้ไปก็ไม่ได้กิน ซ้ำยังถูกนางหอมดุด่า รวมถึงหากไม่พอใจก็จะเข้าทำร้ายร่างกาย บ่อยครั้งจนมีบาดแผลที่ตัวและไล่ให้ตนเองออกไปจากบ้าน

โดยเมื่อวันที่ 17 กันยายน ได้ไปแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานว่า ว่าต้องการให้นางหอมและลูกๆ ออกไปจากบ้านตนเองรวมถึงหากตนเองเสียชีวิตก็ไม่ให้ที่ดินตกเป็นของนางหอมและลูกหลาน ซึ่งตนเองพยายามจะให้นางหอมเอาชื่อออกจากโฉนดที่ดิน แต่ถูกบอกว่าหากจะให้เอาชื่อออกต้อง ให้ชดเชยเงินเป็นเงิน 700,000 บาท ซึ่งตนเองไม่มีปัญญาที่จะไปหามาให้

ทางด้านนางสมศรี อายุ 66 ปี พี่สาวนายห้า เล่าว่าตนเองสงสารนายห้าเป็นน้องชายอยู่กับนางหอม พออยู่มาได้ระยะหนึ่งนางหอมก็ไม่ดูแลนายห้า เสื้อผ้าก็ไม่ซัก ข้าวก็ไม่ทำให้กิน นายห้าต้องมากินข้าวที่บ้านพี่สาว ตนเองนึกสงสารน้องชายมาก ส่วนนางหอมจะใช้นายห้าหุงข้าว กวาดบ้านทางพี่สาวนายห้าบอกว่าจะให้เขาทำได้ยังไงมือเขาด้วนคนพิการ ซึ่งที่น้องชายใส่ชื่อในที่ดินนั้นนึกว่านางสาวลัดดาจะเลี้ยงดูแต่ผลสุดท้ายไม่ได้ดูแลน้องชาย

และตนเองก็ยังเห็นนางหอมดุด่า น้องชายเสียๆหายๆ รวมถึงไม่เคยเกรงใจตนเองและพี่น้องก็ถือว่าน่าสงสาร และการที่ไปโอนชื่อใส่ที่ดินนั้น ก็ไม่เคยมาปรึกษาเหมือนเขาหลงคารมกันในช่วงแรกว่าจะมีคนดูแลไปตอดชีวิต แต่ตอนนี้ชีวิตได้เปลี่ยนไปแล้ว หากใครช่วยได้ก็ขอบอกผ่านสื่อให้มาช่วยเหลือกด้วย เพราะสงสารน้องที่พิการและมาถูกกระทำแบบนี้

ข่าวโดย ปนิทัศน์ มามีสุข ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครปฐม

เรียบเรียง มุมข่าว by siamnews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ