กำนันราชบุรี ใจสลาย สูญเสียลูกกระทันหัน

กำนันราชบุรี ใจสลาย สูญเสียลูกกระทันหัน

เมื่อวันที่ 17 ก.ย.66 นายธนกร ทั้งศรี อายุ 50 ปี กำนัน ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ออกมาร้องเรียน ขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ เนื่องจากครอบครัวต้องสูญเสียลูกในครรภ์ หลังจากเฝ้าคอยมานานถึง 9 เดือน จากการเข้ารับบริการในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

นายธนกร เปิดเผยว่า ตนพาภรรยาไปฝากครรภ์ที่คลินิกนอกเวลาของโรงพยาบาล เนื่องจากภรรยามีอายุ 36 ปี และเป็นการตั้งครรภ์ครั้งแรก จึงหมั่นไปพบแพทย์และเข้ารับบริการตรวจที่โรงพยาบาลตามนัดหมายทุกครั้ง ซึ่งแพทย์แจ้งว่า ทั้งภรรยาและลูกในครรภ์แข็งแรงและเป็นปกติทุกอย่าง โดยครบกำหนดคลอดในวันที่ 11 ก.ย. และใช้วิธีผ่าคลอด

ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 10 ก.ย. ภรรยามีอาการท้องแข็งผิดปกติ และรู้สึกได้ว่าลูกดิ้นน้อยลง จึงรีบพาไปพบแพทย์ หลังตรวจแพทย์แจ้งว่าทั้งภรรยาและลูกในครรภ์แข็งแรงและเป็นปกติทุกอย่าง ไม่ต้องกังวล ก่อนนำภรรยาเข้าพักในห้องรอคลอด สั่งให้งดน้ำงดอาหารตั้งแต่เวลา 20.00 น. เพื่อเตรียมผ่าคลอด

จากนั้นเวลาประมาณ 08.30 น. และ เวลา 10.00 น. ของวันที่ 11 ก.ย. แพทย์เข้าตรวจชีพจรและคลื่นหัวใจ โดยยืนยันว่าแม่และลูกแข็งแรงดี พร้อมกับแจ้งคิวผ่าคลอดเป็นเวลา 13.00 น. ให้ตนกลับบ้านมาเตรียมของใช้ต้อนรับลูก ที่เหลือเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้พบหน้ากัน

กระทั่ง เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่แจ้งกับตนว่าลูกได้เสียชีวิตในครรภ์แล้ว แพทย์จึงทำการผ่าออก พบว่าเป็นเพศหญิง ส่วนภรรยาปลอดภัยและอยู่ระหว่างการรักษาตัว

สำหรับสาเหตุเบื้องต้นน่าจะมาจากอาการ ครรภ์เป็นพิษ ตนจึงแย้งว่า ถ้ามีอาการครรภ์เป็นพิษ เหตุใดแพทย์จึงไม่ทราบและช่วยเหลือป้องกันก่อนหน้านี้ ทั้งที่อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างต่อเนื่อง ต่อมาแพทย์แจ้งสาเหตุการเสียชีวิตใหม่อีกครั้งว่าเกิดจาก รกพันคอ

ด้วยความข้องใจกับสาเหตุการเสียชีวิต จึงขอให้มีการชันสูตร ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ประสานไปยังโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จ.นครราชสีมา โดยแจ้งว่าโรงพยาบาลดังกล่าวมีความเชี่ยวชาญ จากผลการชันสูตรเบื้องต้น พบว่าลูกมีลักษณะปกติ สมบูรณ์ดี ไม่มีน้ำคร่ำในปอด ส่วนสาเหตุเกิดจาก ทารกตายคลอด และไม่พบว่ามีรกพันคอ ยิ่งสร้างความสงสัยให้กับตนและทุกคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม หลังจากตนสูญเสียลูกไป ทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลและทีมเจรจา ได้เข้ามาพูดคุย โดยแจ้งว่าขณะนี้แพทย์ตรวจพบความผิดปกติทางร่างกายในช่วงหลังคลอดของภรรยา เนื่องจากอาการครรภ์เป็นพิษเฉียบพลัน และความผิดพลาดที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเกิดจากโรงพยาบาลมีอุปกรณ์วัดคลื่นหัวใจไม่เพียงพอ และบางเครื่องก็เสียอยู่ระหว่างการรอซ่อมบำรุง ซึ่งทางโรงพยาบาลจะดำเนินการขอใช้สิทธิ์ชดเชยเยียวยาค่าเสียหายให้กับทางครอบครัว

แต่ตนยังไม่ยอมรับ เนื่องจากต้องการทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของลูก รวมไปถึงต้องการให้ทางโรงพยาบาลออกมารับผิดชอบ ไม่ใช่แค่เรื่องเงินเยียวยาเพียงอย่างเดียว จึงออกมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน เพื่อหาความเป็นธรรมและเป็นอุทาหรณ์ ต้องการให้ครอบครัวของตนเป็นเคสสุดท้าย ไม่อยากให้ความสูญเสียนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวใดอีก

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ