
โดนกันเพียบ เผยกลลวงหลอกเปิดบัญชีม้า แลกกับเงินคนละ 200-300 ถูกเหยื่อฟ้องกว่าสามล้าน
วันที่ 8 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวจังหวัดชัยภูมิรายงานว่า พบประชาชนผู้เฒ่าผู้แก่คนพิการตามองไม่เห็นหลายหมู่บ้าน ถูกหลอกสะแกนภาพถ่ายหน้าตรงและเอาบัตรประชาชนไปอ้างตั้งพรรคการเมือง ก่อนนำเอกสารเปิดบัญชีม้า ตกเป็นเหยื่อหลายหมู่บ้านแล้วกว่า 100 ราย ผู้เสียหายหวั่นอิทธิพลไม่กล้าเอาผิดนายทุนต่างแห่พากันมาแจ้งความแสดงความบริสุทธิ์
โดยภายหลังมีการบังคับใช้กฎหมายใหม่ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 และที่ผ่านมาประมาณเดือนกุมภาพันธ์ได้มีนายหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เป็นคนในหมู่บ้าน ที่เดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯมาลอกให้เพื่อนบ้านญาติพี่น้องในหมู่บ้านห้วยต้อน บ้านวังเดือนห้า บ้านชีลอง บ้านสามพันตาและบ้านใหม่สามพันตา ต.ห้วยต้อน อ.เมือง จ.ชัยภูมิ
ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ มีสองสามีภรรยาที่เป็นเพื่อบ้านที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ได้เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านได้ออกมาตระเวนจ้างชาวบ้านหัวละ 200-300 บาท เพื่อขอนำเอกสารไปเปิดพร้อมทั้งใช้โทรศัพท์มือถือหลอกสะแกนภาพถ่ายหน้าตรงและเอาบัตรประชาชนไป อ้างตั้งพรรคการเมือง ต่อมาหลังมีชาวบ้านที่ตกเป็นเหยื่อถูกผู้เสียหายยื่นฟ้องศาลฯ ว่าได้รวมกันฉ้อโกงเงินยอดรวมแล้ว กว่าสามล้านบาทและมีหมายศาลฯ ส่งมาถึงบ้านถึงกับตกใจ
จึงพากันเดินทางมามาตรวจสอบการเปิดบัญชีที่ธนาคารก็พบว่ามีเงินหมุนเวียนเข้าออกบัญชีมากกว่าสามล้านบาทจริง จึงพากันเดินทางเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองชัยภูมิ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำดังกล่าว
โดยหนุ่มเคราะห์ร้ายรายที่ถูกฟ้องรายนี้คือ นายขันชัย บ้านเลขที่108 หมู่ 9 ต.ห้วยต้อน อ.เมือง จ.ชัยภูมิ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตนรู้สึกตกใจเมื่อมีหมายศาลฯส่งมาหาตนถึงบ้านว่า ได้รวมกับธนาคารฉ้อโกงเงินไปสูงถึงสามล้านกว่าบาท โดยก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือนกุมพาพันธ์66 ที่ผ่านมา ได้มานางสาวเอ นามสมมุติ และนายบี สามี ซึ่งเป็นสองสามีภรรยาที่เป็นเพื่อนบ้านที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ได้เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้าน และออกมาตระเวนจ้างชาวบ้านหัวละ 200-300 บาท
เพื่อขอนำเอกสารไป เปิดพร้อมทั้งใช้โทรศัพท์มือถือหลอกสะแกนภาพถ่ายหน้าตรงและเอาบัตรประชาชนไป อ้างตั้งพรรคการเมือง และมาทราบปัญหาภายหลัง ว่าตนเองมีบัญชีธนาคารฯต่างๆหลายบัญชี จนรู้ที่มาว่าเกิดจากนายหน้าที่นำเอกสารหลักฐานสำคัญไปลอบเปิดบัญชี จึงได้มาที่ สภ.เมือลชัยภูมิ เพื่อยืนยันตัวตนแสดงความบริสุทธิ์ใจ และขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ
โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ที่ถูกนายหน้ากลุ่มนี้หลอก อ้างว่าจะนำเอกสารไปเป็นสมาชิกพรรคการเมือง และมารู้ที่หลังว่ากลุ่มนายหน้าดังกล่าว ได้มีการแอบนำเอกสารไปเปิดบัญชีธนาคาร เมื่อตรวจสอบยังไม่พบมีการเคลื่อนไหวของบัญชี แต่มีบางรายที่มีเงินผ่าน แต่ชาวบ้านไม่กล้าออกมาแจ้งความเอาผิดกับนายหน้า เพราะกลัวความผิด เนื่องจากยินยอมรับเงินค่าจ้าง เพียงออกมายืนยันตัวตนที่จะขอปิดบัญชี ป้องกันความผิดฐานเปิดบัญชีม้า จึงได้นำเอกสารเดินทางมายื่นขอปิดบัญชีกับธนาคารดังกล่าวต่อไป
ข่าวโดย สมศักดิ์ ชุ่มหมื่นไวย์ ผู้สื่อข่าวจังหวัดชัยภูมิ
เรียบเรียง มุมข่าว by siamnews