เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ผอญ.ทอท.) กล่าวว่า จากการที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต มีการเร่งรัด 3 โครงการด้วยกัน ดังนี้

โครงการที่ 1. การขยายท่าอากาศยานภูเก็ตระยะที่ 2 เป็นการขยายอาคารบินระหว่างประเทศ (International Terminal) จากเดิมสามารถรับได้ จำนวน 6 ล้านคนต่อปีเพิ่มอีกเท่าตัวเป็นอีก 6 ล้านคนซึ่งเมื่อรวมกับ Domestic Terminal หรืออาคารบินในประเทศ อีก 6 ล้านคนจะอยู่ที่ Maximum 18 ล้านคนต่อปี จะเป็นลำดับแรกที่ต้องดำเนินการ

ขณะนี้ ทอท. อยู่ระหว่างการออกแบบ งบประมาณที่ใช้ ประมาณ 6,000 ล้านบาท ในการขยายท่าอากาศยานภูเก็ต ตอนนี้ กำลังจัดหาผู้ออกแบบใช้เวลาออกแบบประมาณ 1 ปี ดังนั้น ปลายปี 67 คาดว่าการออกแบบแล้วเสร็จพร้อมยื่นเสนอ ครม.เพื่อขออนุมัติโครงการและดำเนินการประมูลได้ ตามแผนการก่อสร้าง ส่วนใหญ่แล้วจะใช้เวลาประมาณ 3 ปีครึ่ง นับแล้วประมาณปี 70

โครงการที่ 2. คือ การรับโอนท่าอากาศยานกระบี่ กำลังทำงานร่วมกับกรมท่าอากาศยานในการรับโอนท่าอากาศยานกระบี่เพื่อให้สามารถบริหารจัดการน่านฟ้าร่วมกันได้ ในกระบวนการได้ตกลงเงื่อนไขการรับโอนแล้ว อยู่ในช่วงของการให้กรมท่าอากาศยานขอรับใบอนุญาตสนามบินสาธารณะ คาดว่าภายในปลายปีนี้น่าจะเสร็จ

โครงการที่ 3. การศึกษาความเหมาะสมและการออกแบบก่อสร้างสนามบินพังงา ซึ่งสนามบินพังงา ปัจจุบันมองหาพื้นที่ที่เหมาะสมเบื้องต้นอยู่ที่โคกกลอย คาดว่า อาจจะต้องใช้เวลานานประมาณ 6-7 ปีในการดำเนินการ ซึ่งต้องใช้ในเรื่องการขยายท่าอากาศยานภูเก็ตร่วมกับการรับท่าอากาศยานกระบี่ขึ้นมาเพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เกิดขึ้น

ในส่วนผู้โดยสารท่าอากาศยานภูเก็ต ทั้งปี ปัจจุบันหลังจากโควิด 19 เป็นต้นมามองว่าปี 66 กลับมา 12 ล้านคน ถ้าปี 67 น่าจะเกินรองรับ ดังนั้นจึงต้อง เร่งแก้ไขปัญหาคอขวด และก่อสร้างอาคารใหม่เพื่อรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น คือ 18 ล้านคนต่อปี เป็นลิมิตของรันเวย์ด้วย เพราะมีเพียงรันเวย์เดียว ดังนั้น การสร้างอาคาร Terminal เพื่อให้สมดุลกับรันเวย์ ที่จะรับผู้โดยสารในช่วง 10 ปีนี้ได้ แต่การเติบโตที่มากไปกว่านี้จะต้องบริหารจัดการพื้นที่ร่วมกับท่าอากาศยานกระบี่และพังงา ซึ่งพังงาอยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสม

ทางด้าน นายมนต์ชัย ตะโหนด ผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานภูเก็ต กล่าวว่าช่วงนี้เป็น Low season ปัจจุบันเที่ยวบินอยู่ที่ประมาณ 240 -250 เที่ยวบิน ผู้โดยสาร ปัจจุบัน ประมาณ 40,000คน จะประมาณ 50,000 คนในช่วงวินเทอร์ที่จะถึงนี้ ถ้าเป็นช่วง High Season จะอยู่ที่ประมาณ 310- 320 เที่ยวบิน ผู้โดยสารหวังว่าน่าจะได้ประมาณ 85% ขึ้นไป เมื่อเทียบกับปี 62 ตัวเลขผู้โดยสารทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ คงจะเกิน 50,000 คนต่อวัน ส่วนใหญ่เที่ยวบินจะเป็นเที่ยวบินที่ใช้เครื่องบินตัวเล็กค่อนข้างเยอะจาก จีน อินเดีย ส่วนที่เป็นอากาศยานขนาดใหญ่จาก ตะวันออกกลาง และ รัสเซีย จะเป็นอีกส่วนหนึ่งประมาณครึ่งครึ่ง คิดว่า นักท่องเที่ยวเข้ามายังไม่ถึงกับช่วงก่อนโควิด-19