เจอดำเนินคดี 4 ข้อหาหนัก เพื่อนสนิทและแฟนหนุ่ม ลวง ป้าอ้อย ปลิดชีพทิ้งป่า

เจอดำเนินคดี 4 ข้อหาหนัก เพื่อนสนิทและแฟนหนุ่ม ลวง ป้าอ้อย ปลิดชีพทิ้งป่า

วันที่ 7 ก.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า คดีการหายตัวไปของนางดารัณ แพลอย หรือป้าอ้อย เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ที่หายตัวไปตั้งแต่ช่วงเย็นของวันศุกร์ที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากการออกสืบสวน รวบรวมข้อมูลอย่างละเอียด จนนำไปสู่การจับกุม นางสาววิลาวัณย์ หรือ สาว อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับป้าอ้อย และออกหมายจับ นายนิติ จุ หรือ กอล์ฟ ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อเหตุ ใน 4 ข้อหาหนัก

คือ ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ข้อหาร่วมกันฝังเผา ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิด การตาย หรือเหตุแห่งการตาย ข้อหาร่วมกันกระทำใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อม ในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตร ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่น มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษให้น้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด ซึ่งจนถึงขณะนี้ นางสาวสาว และนายกอล์ฟ ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขังสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี

จากนั้นในเวลา 10:00 น. ลูกชายและลูกสะใภ้ของป้าอ้อย ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี พร้อมกับนายระพี ชำนาญเรือ ที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือในเรื่องของการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามหาตัวของป้าอ้อย

โดยนายระพีกล่าวว่า ตอนนี้ทางครอบครัวของป้าอ้อยยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจและยังไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆกับสื่อมวลชน ในส่วนของการเดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรีในวันนี้ ก็เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวนให้ข้อมูลเพิ่มเติมรวมถึงพบกับเจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัด ที่จะเข้ามาให้การช่วยเหลือในส่วนของเงินเยียวยา และช่วยจัดหาทนายความมาว่าความให้กับครอบครัวของป้าอ้อยด้วย

พร้อมกันนี้ นายระพี ยังได้กล่าวถึงเรื่องของ ขบวนการจ้างคนไปดาวน์รถแล้วนำรถไปขาย ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ป้าอ้อยถูกฆาตกรรมในครั้งนี้และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนขยายผลในเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดด้วย

นอกจากครอบครัวของป้าอ้อยที่เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนแล้ว ผู้สื่อข่าวพบว่าทางพนักงานสอบสวนยังได้เรียกตัวสามีของนางสาวสาว เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม ซึ่งมีกระแสข่าวว่าสามีของนางสาวสาว ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าก่อนวันเกิดเหตุไม่กี่วัน ได้ยินนางสาวสาวบ่นให้ฟังว่าอยากจะหาวิธีการเก็บคนบางคน ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเป็นป้าอ้อยหรือไม่

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าว ได้ตรวจสอบคลิปวีดีโอกล้องวงจรปิดจากบริเวณด้านหน้าองค์การบริหารส่วนตำบลหนองเป็ด อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่นางสาวสาวและนายกอล์ฟ นำร่างของป้าอ้อยไปโยนทิ้งหน้าผาประมาณ 8 กิโลเมตร พบว่าในวันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่ป้าอ้อยหายตัวไปนั้น รถของนางสาวสาว ได้ครับผ่านบริเวณหน้าองค์การบริหารส่วนตำบลหนองเป็ด เมื่อเวลาประมาณ 14.39 น.

ก่อนจะขับผ่านกล้องอีกหลายตัวซึ่งอยู่ตามเส้นทางมุ่งหน้าไปยังจุดทิ้งร่าง ก่อนที่รถของนางสาวสาว จะขับกลับมาผ่านณจุดเดิม ในเวลาประมาณ 15.11 น. รวมแล้วใช้ระยะเวลา จากจุดที่กล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ครั้งแรกที่หน้าองค์การบริหารส่วนตำบลหนองเป็ดไปจนถึงจุดที่ทิ้งร่าง ประมาณ 30 นาทีเท่านั้น ทำให้เชื่อได้ว่าทั้งสองคนน่าจะรีบนำร่างของป้าอ้อยโยนลงหน้าผาบริเวณจุดที่พบร่างและรีบขับรถกลับ เข้าสู่ตัวเมืองกาญจนบุรีเพื่อนำเอาเอกสารหลักฐานและทรัพย์สินต่างๆ ของป้าอ้อยไปเผาทำลายในช่วงเย็น ของวันที่ 30 มิถุนายน กระทั่งมีผู้ไปพบกับ บัตรประชาชนและทรัพย์สินของป้าอ้อยที่ถูกเผาที่บริเวณ ท่าน้ำบ้านท่าพะเนียด ดังกล่าว

ข่าวโดย ปรีชา ไหลวารินทร์ ผู้สื่อข่าวจังหวัดกาญจนบุรี

เรียงเรียง มุมข่าว by siamnews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ