วันที่ 29 มิ.ย.2566 ที่สถานีตำรวจภูธรตาคลี จ.นครสวรรค์ นางเล็ก อายุ 84 ปี ได้เข้าแจ้งความกับร.ต.อ.อุทัยอุตญารองสารวัตรสอบสวนว่าตนเองสงสัยว่าจะถูกลูกสาวคนโตชื่อ ณัชชา อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในจำนวน 5 คน แอบโยกย้ายเงินในบัญชีธนาคารกรุงไทยและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส) จำนวนกว่า 2,500,000 บาท ของตนไป

เนื่องจากเมื่อประมาณวันที่ 26 ธ.ค.2565 ตนไปให้นางณัชชาพาไปถอนเงินจากบัญชีธนาครกรุงไทย 1,800,000 บาท เพื่อไปเข้าบัญชี ธ.ก.ส. เนื่องจากตนอ่านและเขียนหนังสือไม่ได้ ซึ่งตนมีเงินอยู่ 2 บัญชี โดยมีอยู่ในบัญชีกรุงไทย 1,000,000 บาท และธ.ก.ส. 1,500,000 บาท ส่วนอีก 300,000 บาท ตนนำติดตัวไว้

โดยหลังจากนั้นนางณัชชาได้มารับตนไปทำบุญที่บ้านของนางณัชชาในอำเภอตาคลี จนค่ำไม่ยอมพากลับบ้าน แต่พาไปหาลูกของนางณัชชาที่ จ.ลำพูน โดยที่ตนมีเสื้อผ้าติดตัวไปชุดเดียว ตนใช้ชีวิตอยู่ที่จ.ลำพูน กว่า 3 เดือนก็ไม่ยอมพาตนกลับ อ.ตาคลี แม้ว่าตนจะก้มกราบเท้าทั้งลูกและหลานเพื่อขอให้พาตนกลับก็ตาม

จนกระทั่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 มิ.ย. นางณัชชาพาตนเดินทางจากลำพูน โดยก่อนกลับได้ยึดมือถือของตนและเอกสารทุกชนิดกลับไปด้วย จนตนต้องให้เพื่อนบ้านพาไปทำบัตรประชาชนให้ใหม่ ซึ่งตนรู้สึกแปลกใจจึงให้เพื่อนบ้านพาไปธนาคารเพื่อตรวจสอบว่าเงินในธนาคารเหลือเท่าไหร่ ปรากฏว่าเงินในบัญชีธนาคารกรุงไทยถูกกดออกไปหมด ทำให้นางเล็กโกรธจัดพร้อมให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่นับเป็นแม่ลูกกันต่อไป

เรียบเรียง มุมข่าว