แซนพร้อมทนายความ ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย คุณแม่พนิดากับที่ปรึกษากฎหมาย

แซนพร้อมทนายความ ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย คุณแม่พนิดากับที่ปรึกษากฎหมาย

วันที่ 22 พ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี นาย พรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความส่วนตัว พร้อมด้วย แซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์ เดินทางมายังศาลจังหวัดนนทบุรีมาเพื่อยื่นไตร่สวนต่อหลังถูกนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของดารานักแสดงสาวแตงโม นิดาพร้อมกับที่ปรึกษากฎหมายร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

โดยแซน วิศาพัช กล่าวว่า เนื่องจากในวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา คุณแม่พร้อมกับที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายอีก 2 คน ได้นำเอกสารมาแจกจ่ายให้กับผู้สื่อข่าวที่หน้าศาล โดยกล่าวหาว่าตนไปข่มขู่พยาน ยุ่งเหยิงหลักฐาน และขอให้ศาลเพิกถอนกาประกันตัวของตนในชั้นศาล ซึ่งตนก็ยังงงอยู่ว่าตนไปยุ่งเหยิงอะไร เพราะก่อนหน้านี้ตนกับคุณแม่ยังเคนกอดและพูดดีกับตนอยู่เลย

ในวันนี้ตนดำเนินการตามกฎหมายเพราะเห็นว่าคุณแม่ทำไม่ถูกและทำให้ตนได้รับความเสียหายมาก จนถึงกับขนาดพ่อกับแม่ของตนยังตกใจมาถามตนเองว่าไปทำอะไรมาอีกถึงจะถูกถอนประกันตัว ตนจึงมอบหมายให้ทางทนายความส่วนตัวฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในคดีแพ่งกับคุณแม่และที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายอีก 2 คน ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาเป็นเงินจำนวน 50 ล้านบาท

แซน วิศาพัช กล่าวอีกว่า หลังจากที่ศาลได้ตัดสินคดีของปอกับโรเบิร์ตไปแล้ว ตนก็รู้สึกว่าศาลยุติธรรมแล้ว ส่วนพวกตนในฐานะจำเลยในคดีที่เหลืออีก 4 คน ก็ขอยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรประมาท ต้องปล่อยให้เป็นดุลยพินิจของศาล เรื่องค่าเยียวยาที่คุณแม่พยายามมาเรียกร้องจากพวกตนทั้ง 4 คนนั้น คุณแม่เอาเหตุผลและสาเหตุอะไรมาเรียกร้องทั้ง ๆ ที่พวกตนทั้ง 4 คนไม่ได้ทำผิดอะไร

ทนายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ กล่าวว่า เรื่องสัญญาประนีประนอมฉบับแรกที่ได้ตกลงทำสัญญากันเมื่อวันที่ 21 ก.ย.65 นั้น เป็นหนังสืออาญาประนีประนอมที่ฝ่ายจำเลยทั้ง 6 ส่วนทั้งคุณแม่ได้รับทราบ เซ็นต์รับทราบ และตกลงกันในสัญญาฉบับนั้นไว้ด้วยกัน โดยมีการลงรายละเอียดชัดเจนในสัญญาว่า ใครเป็นคนจ่าย จ่ายอย่างไร และไม่ติดใจใคร ดังนั้นการที่คุณแม่จะมาอ้างภายหลังว่า ในสัญญาฉบับนั้นมีคนไม่จ่ายอีก 4 คน แต่ในความจริงตามกฎหมายคงไม่ได้เป็นอย่างที่คุณแม่คิดเสมอไป เพราะกฎหมายทีหลักเกณฑ์มีเงื่อนไข ซึ่งหนังสือสัญญาฉบับนั้นก็ได้ตกลงทำกันในขั้นศาลซึ่งศาลก็รับทราบ

ทนายพรศักดิ์ กล่าวอีกว่า การที่ศาลได้พิจารณาตัดสินคดีของจำเลยที่ 1 และ 2 ไปแล้วนั้น เป็นผลดีกับฝ่ายจำเลยที่เหลืออีก 4 คน เพราะทางเจ้าของเรือกับคนขับเรือก็ได้รับสารภาพต่อศาลไปแล้วว่าได้กระทำการโดยประมาทจริง จึงทำให้จำเลยบนเรือที่เหลืออีก 4 คน ซึ่งไม่ได้ส่วนร่วมในความประมาทด้วยจะได้รับผลดีในการถูกนำไปพิจารณาคดีต่อไป

ผู้สื่อข่าวจังหวัด สาโรจน์ สว่างศรี ผู้สื่อข่าวจังหวัดนนทบุรี

เรียบเรียง มุมข่าว by siamnews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ