พี่สาวคนโตเสี่ยปาน 30 ล้าน แฉแหลก ปมน้องสาวโกงเงินหลาน เชื่อใช้หมดแล้ว

พี่สาวคนโตเสี่ยปาน 30 ล้าน แฉแหลก ปมน้องสาวโกงเงินหลาน เชื่อใช้หมดแล้ว

วันที่ 31 มีนาคม 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พี่สาวเสี่ยปาน คือป้าติ๋ว หรือนางกัญทนัน วิโลมิตเซอร์ อายุ 52 ปี ซึ่งได้เดินทางมาจากต่างประเทศ (เยอรมัน) เมื่อ 3 วันที่ผ่านมา ได้กล่าวว่า พี่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น เสียใจมากที่เกิดเหตุการณ์นี้

เคยคุยกันตลอดระหว่างพี่กับปาน คุยกันตลอด เพราะน้องคนนี้เราเลี้ยงดูมาตลอด พอน้องชายถูกลอตเตอร์รี่ก็รู้สึกดีใจ หมอดูเคยทำนายไว้ว่าเขาจะถูกลอตเตอร์รี่ เมื่อก่อนรายได้มาจากพี่คนเดียว พอเลิกกับสามี หอบลูกกลับมาบ้าน น้าสาวซึ่งมีสามีเป็นชาวฝรั่งเลยแนะนำสามีให้ จึงไปด้วยกันกับน้าสาว และมีชีวิตที่ดีขึ้นแต่เก้า ชอบพูดลับหลังให้พี่เสียหาย พี่เคยเตือนเสี่ยปานว่าอย่าเชื่อเก้ามาก เพราะเขาเล่นการพนัน แต่เขาก็ไม่ฟัง แถมมารู้ทีหลังว่า เขาเป็นผู้จัดการมรดก เตือนแล้วว่าเก้าเป็นคนเล่นการพนัน อย่าไปฟังเขา ซึ่งปาน ดุด่าพี่ ว่าเป็นเรื่องของเขาห้ามยุ่ง

ป้าติ๋ว กล่าวต่อไปว่า พี่พยายามจะเข้าหาน้องเพื่อจะไปเยี่ยม พอโทรเข้ามา เก้าอ้างว่าหมอไม่ให้เยี่ยม ลูกเขาจะมาเยี่ยมก็ไม่ให้เยี่ยม(น้องเกาลัด) อ้างว่ากลัวติดโรค กลัวติดเชื้อ คนเรามันมีเหตุผลทั้งหมด เพราะเขาจะเอาเขากีดกันไม่ให้พวกเราได้พบกัน

เก้ามาที่อุดร พี่จำได้ เมื่อวานเขามาที่ที่ว่าการอำเภอหนองหาน เพื่อมาเอาเอกสารของเขา แต่เขาไม่ทักพี่ ซึ่งพี่จำเขาได้ เมื่อก่อนเก้าบอกกับพี่ว่า ขายบ้านได้จะทำบุญหาเสี่ยปาน และน้องชายที่เสียชีวิต แต่ไม่เห็นทำบุญ บ้านก็ขายไปแล้วถ้ารักลูก ทำไมทิ้งลูกไว้กับสามี คือเขาเป็นพ่อเลี้ยง คนเป็นแม่กล้าทำได้ขนาดนี้

หลังจากเสียชีวิต เสี่ยปานพร้อมกับน้องชาย ชื่อเบิ้มที่เสียชีวิตก่อนหน้าเสี่ยปาน ไปเข้าฝันพี่ บอกหิวข้าวไม่ได้สวมเสื้อผ้า แสดงว่าไม่มีการทำบุญตักบาตรไปให้เลย เขาคงอยากจะสื่อว่าเขารู้สึกสำนึกผิด พี่พยายามสื่อกับน้องตลอดเวลา แต่ก็มีการขัดขวางไม่ให้พี่เข้าพบน้องเพื่ออโหสิ

เมื่อคืนนอนไม่หลับทั้งคืน เป็นห่วงน้องสะใภ้ น้องมด ในส่วนที่พี่อยากจะเคลียร์ คืออะไรที่เคลียร์ได้ พี่ก็จะเคลียร์ อยากให้ทุกอย่างเป็นไปในสิ่งที่มันควรจะเป็น เช่นบ้านมันควรจะเป็นของหลาน(เกาลัด) ทั้งหลังนอกหลังใน ซึ่งเป็นสิทธิ์ของน้องเกาลัด พี่ไม่ได้อยากได้อะไร พี่พอมีฐานะ แต่อยากให้หลานได้ในส่วนที่เป็นของพ่อเขา

สำหรับที่ดิน หรือมรดกของปาน พี่ไม่ได้สนใจ รู้แต่เพียงว่า ที่ดินที่สร้างบ้าน เขาแบ่งขายที่ดินบ้านหลังนี้เขาแบ่งขายไปบางส่วน 8 คนโอนหมด แล้ว ส่วน 8 คนหลัง ยังไม่โอน ไม่รู้ว่าเงินไปอยู่ใหน มีบ้านอยู่ข้างนอก ที่ดินที่เขาทำเป็นซุปเปอร์สโตร์ และยังมีที่ดินที่พี่ยกให้เขา พอเขาเสียชีวิตมันก็กลับมาเป็นของพี่คืน แต่น้องเขยกับเก้ากับมาประกาศขาย 5 แสน

ซึ่งพี่บอกว่าเก้าไม่มีสิทธิ์ ถึงจะไม่มีใบเอกสารสิทธิ์ แต่พี่มีพยาน พี่เป็นลูกคนโตและยังมีชีวิตอยู่ พี่ขอพูดต่อหน้านักข่าว พี่ได้มาพี่ก็จะยกที่ดินแห่งนี้ให้พ่อหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อทำเป็นศาลากลางบ้าน ใช้เป็นที่ประชุมของชาวบ้าน ใช้ชื่อว่า แก้วสวนจิก ซึ่งพ่อกับแม่เสียชีวิตในบ้านหลังนี้ เป็นทางสามแพร่งด้วย

ในเวลาต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของเสี่ยปานที่ได้มีการขายไปแล้ว ชื่อบ้านขุนวรเดช พบมีรถยนต์เก๋ง จอดอยู่ 1 คัน บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ระบุในพินัยกรรมว่าให้ ขายแล้วนำเงินเข้าบัญชีน้องเกาลัด 2 ล้านบาท และจ่ายเดือนละ 7พันบาทให้ น้องเกาลัดจนกว่าจะครบ 1 ล้านบาท ตามที่พินัยกรรมระบุเอาไว้ แต่ จนบัดนี้ ยังไม่มีการทำตามพินัยกรรมแต่อย่างใด

ต่อมาผู้สื่อข่าว จึงได้ไปดูที่ดินพร้อมด้วย น้องมด ซึ่งได้แจ้งว่า ที่ดินตรงนี้ ไม่มีเอกสารสิทธิ์เช่นกัน ส่วนที่เหบือด้านข้าง คือส่วนของน้องเกาลัด แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า มีเพียงแค่ การเช่าที่ขายก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ ซึ่วค่าเช่า ในส่วนที่ดินซึ่งเป็นของน้องเกาลัด ป้าเก้าเอาเงินค่าเช่าไปหมดแล้ว

ข่าวโดย นาริสา หลักทอง ผู้สื่อข่าวจังหวัดอุดรธานี

เรียบเรียง มุมข่าว by siamnews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ