วันนี้ 9 มี.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นายภาคิน สุขประพันธ์ พร้อมเจ้าหน้าที่จากสำนักงานกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปยัง สภ.ลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อติดตามกรณีที่ตนเองได้ไปแจ้งความไว้ จนมาเกิดเป็นข่าวดังเวลานี้ จนเจ้าตัวต้องเดินทางไปพบกับทางพนักงานสอบสวน สภ.ลาดหญ้า เพื่อแสดงตัวตนให้เจ้าหน้าที่ได้ทราบถึงเรื่องดังกล่าว

หลังจากชี้แจงกับพนักงานสอบสวนแล้วกำลังจะเดินทางกลับบ้าน ได้พบกับนักข่าวที่เดินทางไปพบ นายภาคิน สุขประพันธ์ ได้ชี้แจงกับสื่อว่า ตนเองมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ ส่วนที่เกิดปลอมแปลงเอกสารนั้นต้องเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งตนเองได้แจ้งความไว้ตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 คิดว่าเรื่องมันน่าจะจบลงไปแล้วแต่อยู่ เรื่องกับดังขึ้นมาอีก โดยช่วงนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาถามว่าตนเองใช่ชื่อนี้หรือไม่ ตนเองแจ้งไปว่าตนเองไม่ใช่ชื่อนั้น

จากนั้นตนจึงทราบว่ามีคนเอาบัตรประชาชนตนเองไปเปลี่ยนชื่อสวมบัญชีม้า น่าจะเป็นการหลอกล่อให้ผู้เสียหายโอนทำธุรกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งตนไม่ทราบ โดยการซื้อรถจักรยานยนต์ บัตรนั้นเป็นรูปตนเอง บ้านเลขที่ ใช่ แต่ชื่อไม่ใช่ชื่อตนเองเท่านั้น เลข 13 หลักช่วงแรกๆ เป็นเลขของตนเอง และหลังๆ ไม่ใช่เลขเปลี่ยนไป เจ้าตัวยืนยัน ตนเองไม่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยกับเรื่องนี้ไม่รู้จะทำเพื่ออะไร

นายภาคิน แจ้งว่าเมื่อเห็นข่าวรู้สึกตกใจมาก ตั้งแต่เกิดเรื่องนี้มาได้มีหมายมาที่บ้านตนเองประมาณ 12 ครั้ง แล้วเป็นหมายเรียกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้เสียหายกับเรื่องนี้ยังมีการติดต่อเข้ามาจำนวนหนึ่ง และที่ได้เดินทางไปหาจนที่ร้านลาดหญ้าก็หลายคน และที่เกิดเรื่องเป็นเรื่องการซื้อขายรถจักรยานยนต์ทั้งสิ้น มีมานั่งรอเพื่อซื้อรถ โทรกลับไปรับสาย แต่ไม่มาหาคนซื้อแต่อย่างใด มาเจอตนเองก่อนจึงบอกไปว่าอย่าได้โอนเงินไปเด็ดขาด

แล้วตนเองก็นำเอกสารให้กับบุคคลเหล่านั้นดู ว่าตนเองก็โดนเช่นกัน และเรื่องนี้น่าจะหลุดไปในแอปเงินกู้นอกระบบ จึงเกิดปัญหานี้ขึ้นมา .อยากฝากเตือนไปยังประชาชนว่า ช่วงนี้พวกมิจฉาชีพหลอกลวงแบบนี้เกิดขึ้นมากในโลกโซเชียล ให้ประชาชนเรื่องบัตรประชาชน เอกสารใดๆก็เช่นกันให้ระมัดระวังให้มาก หรือว่าตามเฟสซื้อสินค้าให้ตรวจสอบที่มาที่ไปให้ชัดเจนก่อน ไม่เช่นนั้นอาจจะโดนอย่างตนเองได้

สำหรับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องการปลอมแปลงบัตรประชาชนทั้ง 7 ใบ นั้นได้ตรวจสอบไปแล้วในข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยแล้ว ยังไม่พบข้อมูลใดๆ กำลังติดตามว่าบุคคลกลุ่มนี้มันอยู่ที่ใดอย่างไร คงต้องรอขอเวลาตรวจสอบอีกระยะหนึ่ง และที่จริงแล้วมันอยู่ในแอปทั่วไป พร้อมยืนยันว่าบัตรประชาชนที่ออกมาเช่นนี้มันไม่ถูกต้อง ไม่ใช่เอกสารทางราชการ และการที่จะดูว่าบัตรนั้นถูกต้องหรือไม่ถูกต้องนั้น ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญในเรื่องนี้ตรวจสอบ เตือนว่าบัตรประชาชนของใครก็รักษากันไว้ให้ดีก็แล้วกัน อย่าให้ใครเอาไปเด็ดขาด ย้ำให้เก็บไว้ให้ดีๆ แล้วกัน

ข่าวโดย ปรีชา ไหลวารินทร์ ผู้สื่อข่าวจังหวัดกาญจนบุรี

เรียบเรียง มุมข่าว by siamnews