จากกรณี เรือหลวงสุโขทัยล่ม พร้อมกำลังพล 106 นายกลางอ่าว จังหวัด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังปฏิบัติการค้นหาอย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้ที่สูญหายอีก 23 ราย

การค้นหาใช้ทั้งทางน้ำและทางเฮลิคอปเตอร์ รวมทั้งใช้เรืออื่น ๆ ไปรับผู้ประสบเหตุ จนสามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตได้เพิ่มในเวลาต่อมา เบื้องต้นส่งรักษาตัวแล้วที่โรงพยาบาล

ล่าสุดวันที่ 22 ธ.ค.65 เพจ สวท.ยะลา กรมประชาสัมพันธ์ โพสต์ถึงบทสนทนาสุดท้ายของพลทหาร อับดุลอาซิส มะแอ หนึ่งในผู้สูญหายจากเหตุ เรือหลวงสุโขทัยอับปาง โดยระบุว่า เรือกำลังจม ผมอยู่หัวเรือ ผมจะทำยังไง จะทำยังไงพ่อ

นี่คือ บทสนทนาสุดท้าย ของ พลทหาร อับดุลอาซิส มะแอ หนึ่งในผู้สูญหายจากเหตุ เรือหลวงสุโขทัยอัปปาง กลางทะเลบริเวณนอกชายฝั่ง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อคืนวันที่ 18 ธ.ค. 2565 ที่ผู้เป็นลูกชาย ที่ได้โทรหาพ่อกับแม่ ก่อนสัญญาณมือถือจะขาดหายไป ทันที ที่ทราบข่าว เรือหลวงสุโขทัยอัปปาง จากคลื่นลมแรง กลางทะเลบริเวณนอกชายฝั่ง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อคืนวันที่ 18 ธ.ค. 2565

นายลูดิง มะแอ ผู้เป็นพ่อ ได้แต่ขอดุอาร์ต่ออัลลอฮ ให้ลูกชายของตนปลอดภัย โดยนายลูดิง ได้เล่าให้ฟังว่าในคืนวันที่ 18 ธ.ค. ช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ลูกชายได้โทรมาหาตน ทันที่ที่รับสาย ลูกชายบอกว่าตอนนี้ตนเองอยู่ตรงหัวเรือ จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ เรือกำลังจมแล้ว ตนถามลูกว่า ตอนนี้อยู่ที่ไหน ลูกบอก ว่า อยู่ตรงหัว เรือจะจมแล้ว จะทำยังไง พร้อมกับร้องไห้ ตนตกใจมาก ถึงกับพูดอะไรไม่ออก เลยไปบอกภรรยา

ซึ่งพอทราบก็ตกใจมากพูดไม่ออก เลยยื่นโทรศัพท์ให้คุยกับพี่สาวของภรรยา ซึ่งก็ได้บอกให้หลานชายอ่านกุรอ่าน ส่วนตนได้ไปละหมาดฮายัต เพราะขณะนั้นคิดว่า ไม่มีที่พึ่งใดนอกจากขอดุอาร์ต่ออัลลอฮ ให้ลูกปลอดภัย คุยกับลูกได้ประมาณ 5 นาที ก็ได้บอกให้ลูกวางสายไปก่อน เพื่อให้เซฟแบตมือถือไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน จากนั้นก็หายเงียบไปเลย

นายลูดิง ยังเล่าให้ฟังอีกว่า ลูกชายเป็นคนที่มีจิตใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เวลาว่างก็จะช่วยสอนกุรอ่านให้เด็กๆแถวบ้านเสมอ ตนเองและครอบครัว เพิ่งได้จะเจอกับลูกชาย เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะลูกชายเดินทางกลับมาเยี่ยมที่บ้าน จนกระทั่งได้พูดคุยกันล่าสุดเมื่อคืนวันเกิดเหตุ ตอนนี้ตนและครอบครัวก็ยังมีความหวังว่าลูกจะรอด และยังรอคอยที่จะได้เจอกับลูกอีกครั้ง

เรียบเรียง มุมข่าว