จับ CEO บริษัทขายฉลากกินแบ่งรัฐบาลทิพย์ ไม่มีฉบับจริง พบเงินหมุนเวียนกว่า 30 ล้าน

จับ CEO บริษัทขายฉลากกินแบ่งรัฐบาลทิพย์ ไม่มีฉบับจริง พบเงินหมุนเวียนกว่า 30 ล้าน

จากกรณีที่ นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ CEO กองสลากพลัส พร้อมนายศุภชัย ทิพย์สิทธิ์ ทนายความ นำหลักฐานเข้าพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เมื่อวันที่ 29 พ.ย.2565 กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับบริษัท ดีโชติช่วง กรณีขายสลากกินแบ่งรัฐบาลซ้ำ ไม่มีสลากฉบับ

ซึ่งเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ตำรวจ กก.1 บก.ปอศ. ทำการสืบจนทราบถึงผู้กระทำความผิดและได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับจำนวน 1 หมาย ในวันที่ 6 ธ.ค.2565 ข้อหาตามหมายจับฐาน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง

นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน

เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนพบว่า บริษัทดีโชติช่วง ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยจำหน่ายผ่านแม่ทีม ซึ่งผู้ซื้อจะต้องซื้อสลากผ่านแม่ทีมที่มีคนแนะนำเท่านั้นถึงจะซื้อได้โดยมีแพคเกตให้เลือกซื้อ 1 ใบ ราคา 80 บาท, 10 ใบราคา 800 บาท และ 20 ใบราคา 1,600 บาท โดนโอนเงินค่าสลากฯ เข้าบัญชีของบริษัทฯ ตรวจสอบธุรกรรมการเงินโอนเงินมีเงินหมุนเวียนในบริษัทกว่า 30 ล้านบาท

และตรวจสอบธุรกรรมเส้นทางการเงินของนายณัฐฯ กรรมการบริษัทฯ พบว่าโอนไปให้ น.ส.มาลัย กว่า 29 ล้านบาท จากการตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ บริษัทดีโชติช่วง นำมาจำหน่ายนั้นพบว่ามีลายน้ำเหมือนกันทุกฉบับ ซึ่งถ้าเป็นสลากฉบับจริงจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้นลายน้ำแต่ละฉบับจะไม่เหมือนกัน และฟร้อนท์ตัวหนังสือไม่เหมือนกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจัดพิมพ์มาแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ขยายผลดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป

ต่อมาในวันที่ 14 ธ.ค.2565 เวลา 12.30 น.ได้จับนายณัฐ การัณยภาส อายุ 32 ปี บริเวณหน้าวัดพระธาตุซ่อนแก้ว ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท ดีโชติช่วง จำกัด บุคคลตามหมายจับศาลอาญาที่ 2745/2565 ลง 6 ธ.ค.2565 ในความผิดฐาน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลว-ง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ

โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลาดข้อกล่าวหา

แต่รับว่าเป็นกรรมการบริษัทดีโชติช่วง ประกอบธุรกิจจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลจริง โดยสลากที่นำมาจำหน่าย จะทำการติดต่อซื้อมาจาก น.ส.มาลัย กระแหน ซึ่ง น.ส.มาลัย จะส่งเป์นไฟล์สลากฯมาให้ แต่ไม่มีสลากฉบับจริงมาให้แต่อย่างใด จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดีต่อไป

วันที่ 16 ธ.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ.ร่วม ปอศ.นำหมายค้นศาล ตรวจค้นสถานที่ตั้งบริษัท จำนวน 2 จุดๆ ที่ 1 ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดชัยภูมิ เข้าตรวจค้นเลขที่ 284 ม.11 ต.หนองบัวบาน อ.จตุรัส จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้ง บริษัท ดีโชติช่วง จำกัด ผลการตรวจค้นพบว่ามีลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ เป็นที่พักอาศัยทั่วๆ ไป ไม่พบว่ามีพนักงานของบริษัท หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลแต่อย่างใด

จุดที่ 2 ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ เข้าตรวจค้นเลขที่ 9 ม.3 ต.นาสนุ่น อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบริษัท ดีโชติช่วง แห่งที่ 2 ผลการตรวจค้นพบว่ามีลักษณะเป็นบ้านปูน 2 ชั้น เป็นที่พักอาศัยทั่วๆ ไป ไม่พบว่ามีพนักงานของบริษัท หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลแต่อย่างใด

ข่าวโดย วุฒิไกร พิมพ์เงิน ผู้สื่อข่าวจังหวัดนนทบุรี

เรียบเรียง มุมข่าว by siamnews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ