วันที่ 24 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าผลกระทบจากพนังกั้นแม้น้ำชีขาดกว่า 50 เมตร ในพื้นที่ ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะนี้ยังขยายวงกว้าง เนื่องจากมวลน้ำมหาศาลที่ไหลเข้ามาตลอดทั้งสัปดาห์ยังเอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชน ถนน และพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะนาข้าวเป็นวงกว้าง

จากความพยายามของเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานได้เร่งซ่อมพนังมาตลอด 24 ชั่วโมง นานกว่า 1 สัปดาห์ ล่าสุดเหลือเพียง 5 เมตรสุดท้าย แต่ยังไม่สามารถอุดรอยได้สำเร็จ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวกระแสน้ำแรงกว่าเดิมเป็น 2 เท่า และลึก เจ้าหน้าที่วางหินลงไปก็ถูกกระแสน้ำพัดไปหมด จึงต้องวางแผนการซ่อมใหม่ โดยเฉพาะนำวัสดุมาวางเป็นแนวสามเหลี่ยม หรือหัวตัว A เพื่อลดความแรงของกระแสน้ำ พร้อมกับเร่งนำหินเข้ามาเพิ่ม และจะพยายามซ่อมให้เสร็จ

นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุพนังกั้นแม่น้ำชีขาด ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ช่วงคืนของวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา จ.กาฬสินธุ์ได้ระดมทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้นำชุมชน จิตอาสา และประชาชนในพื้นที่ทำการซ่อมแซมตลอด 24 ชั่วโมง นานกว่า 1 สัปดาห์

กระทั่งล่าสุดเหลืออีกเพียง 5 เมตร ช่วงนี้การซ่อมแซมเป็นไปด้วยความยากลำบากมาก เพราะกระแสน้ำแรงกว่าเดิมเป็น 2 เท่า และลึก แต่ก็จะพยามซ่อมให้เสร็จในวันนี้ จากนั้นจะดำเนินการซ่อมแซมตามขั้นตอน เพื่อเพิ่มความมั่นคงแข็งแรงตามหลักวิศวกรรมต่อไป

นายศุภศิษย์กล่าวว่า ส่วนถนนกาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด จากการประสานกับแขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ ล่าสุดการจราจรยังไม่สามารถสัญจรไปมาได้ เพราะน้ำยังท่วมอยู่ โดนเจ้าหน้าที่ให้รถใหญ่ใช้เส้นทางเลี่ยงจากบ้านหนองตุไปบ้านโจดเพื่อไป จ.ร้อยเอ็ด ส่วนรถเล็กต้องใช้เส้นทางเลี่ยงจาก 4 แยกไฟแดงบ้านบ่อ อ.กมลาไสย เลี้ยวซ้ายไปทาง อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์ มุ่งหน้าเข้า จ.ร้อยเอ็ดไปก่อน รอระดับน้ำลดจึงจะเปิดใช้