สามีไม่ให้ขึ้นรถ ภรรยาวิ่งตาม ก่อนพลาดถูกทับเสียชีวิต

สามีไม่ให้ขึ้นรถ ภรรยาวิ่งตาม ก่อนพลาดถูกทับเสียชีวิต

วันที่ 13 สิงหาคม 2565 กล้องวงจรปิดจับภาพได้ขณะที่มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากบ้านพักโดยมีบุตรชายเดินตามาเพื่อขึ้นรถกระบะที่จอดไว้หน้าบ้าน จากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมาพบว่ามีฝ่ายภรรยาเดินตามออกมาจากบ้านพักเพื่อหวังขึ้นรถกระบะของสามี โดยภาพวงจรปิดอีกมุมจับภาพได้ชัดเจนในเวลาไล่เลี่ยกันพบว่าฝ่ายภรรยาได้เกาะประตูฝั่งซ้ายของรถกระบะตู้ทึบของสามีติดรถออกไปจากหมู่บ้าน

ซึ่งกล้องอีกมุมที่หน้าหมู่บ้านจับภาพได้ขณะที่รถกระบะคันดังกล่าวในขณะนั้นมีฝ่ายหญิงเกาะติดรถอยู่ด้วย โดยรถกระบะได้ขับพุ่งออกสู่ถนนในลักษณะกระชากออกตัวทำให้ภรรยาซึ่งเกาะประตูฝั่งซ้ายมือหลุดจากตัวรถร่างถูกล้อหลังทับอย่างจังจนนอนแน่นิ่งกลางถนน

หลังเกิดเหตุไม่นานเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิเดินทางมาตรวจสอบพบว่าหญิงคนดังกล่าวเสียชีวิตอยู่กลางถนนโดยไม่พบรถกระบะแต่อย่างใด ท่ามกลางความเสียใจร้องไห้แทบขาดใจของบุตรสาวผู้เสียชีวิตที่เห็นสภาพมารดาตัวเองนอนเสียชีวิตอยู่กลางถนน ขณะที่ทางครอบครัวรวมถึงชาวบ้านในพื้นที่ต่างพากันวิจารณ์การทำงานของพนักงานสอบสวนสภ.บางเสาธง ที่ปล่อยให้ผู้เสียชีวิตนอนรอร้อยเวรกว่าสองชั่วโมง

โดยพนักงานสอบสวน ได้เดินทางมาตรวจที่เกิดเหตุในช่วงเวลา 07.15 น. และประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุจนกระทั่งเก็บร่างผู้เสียชีวิตในเวลา 08.30 น. โดยทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาคือ นางสาวสุพัตรา ทองดวง อายุ 40 ปี เสียชีวิตในสภาพกะโหลกแตกมีร่องรอยล้อยางที่ใบหน้าขวาและตามเสื้อที่ลำตัว นอกจากนั้นยังพบบาดแผลถลอกที่ข้อขาของทั้งสองข้าง

ด้าน นายหนู รปภ.ของหมู่บ้าน ออกมาเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าพบเห็นสองสามีภรรยาออกมาจากบ้านพักซึ่งอยู่หลังป้อมยามหน้าหมู่บ้านโดยทั้งสองไม่ได้มีปากเสียงหรือพูดจาอะไรกันให้ได้ยินแต่สังเกตเห็นว่าฝ่ายภรรยาพยายามขึ้นรถกระบะของสามีแต่ขึ้นรถไม่ได้และฝ่ายสามีพยายามขับรถออกทำให้ภรรยาเกาะที่ประตูรถเพื่อพยายามเปิดประตูฝั่งซ้ายจนติดลากไปกับรถกระบะของสามีพอพ้นป้อมยาม

สามีเร่งเครื่องกระชากตัวออกไปจนได้ยินเสียงดังคล้ายกับรถเหยียบของอะไรบางอย่างพอหันไปมองพบว่าภรรยานอนแน่นิ่งอยู่กลางถนนจึงรีบออกไปดูแล้วกลับมาแจ้งเจ้าหน้าที่ ขณะที่รปภ.คู่กะอีกคนระบุว่าฝ่ายสามีหลังเกิดเหตุไม่นานได้ขับรถปิดไฟหน้าวนกลับมาที่เกิดเหตุแล้วชะลอรถดูภรรยาจนแน่ใจว่าสิ้นลมหายใจจึงขับรถหลบหนีออกถนนบางนา-ตราดไป

ฝ่ายของบุตรสาวคนกลางวัย 16 ปี บอกทั้งน้ำตาว่า ที่ผ่านมาตนเองและลูกๆคนอื่นของแม่จะอยู่กันคนละที่ จนกระทั่งวันแม่ที่ผ่านมากลับมารวมตัวกันเพื่อพากันไปเที่ยวพักผ่อน โดยมารดาและพ่อใหม่ได้คบหาอยู่กินกันมาได้หลายปีแล้ว ซึ่งต่างฝ่ายต่างมีลูกติดกัน ที่ผ่านมาไม่เคยมีความขัดแย้งหรือทะเบาะเบาะแว้งอะไรกันระหว่างมารดากับบิดาใหม่จนกระทั่งน้องชายคนเล็กที่เป็นลูกติดฝ่ายพ่อเอ่ยปากบ่นหาถึงแม่ของน้อง เนื่องในวันแม่

ทำให้มารดาของตนเองก็บ่นกับพ่อใหม่ว่าทำไมไม่สอนลูกในเรื่องของการเลี้ยงดูแลจากฝ่ายมารดา ซึ่งก็ดูแลอย่างดีเปรียบเสมือนแม่แท้ๆ จึงทำให้พ่อกับแม่น้อยใจกัน เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ซึ่งก็ไม่ได้มีปากเสียงอะไรกันจนแยกย้ายเข้านอน จนรุ่งเช้าทราบว่าพ่อจะไปส่งน้องชาย แม่ด้วยความเป็นห่วงจึงขอติดรถพ่อไปด้วยแต่พอไม่ยอมให้ไปทำให้แม่เกาะรถพ่อออกมาจนเกิดเหตุดังกล่าว

ขณะที่บุตรสาวคนโตซึ่งรับราชการทหารอากาศหลังทราบเรื่องเดินทางจากดอนเมืองมาดูที่เกิดเหตุถึงกับเข่าทรุดและร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ โดยพยายามติดต่อพูดคุยถามถึงสาเหตุกับฝ่ายพ่อเลี้ยง ซึ่งฝ่ายพ่อเลี้ยงระบุว่าไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวและเอ่ยปากขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ