
หมอพรทิพย์ ฝากถึง แม่ภนิดา หลังส่งมือถือให้บังแจ็ค
วันที่ 26 พ.ตแพทย์หญิงคุณหญิง พรทิพย์โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เผยว่า กรณีที่มีการเปิดเผยว่าผู้ที่นำโทรศัพท์มือถือของแตงโม มอบให้กับบังแจ็ค ก็คือคุณแม่ของแตงโมเอง ว่าตนมองว่าความคิดหรือความต้องการของแต่ละคน
เราไม่ควรจะไปให้ความเห็นว่าเป็นสิ่งที่ผิดหรือถูก ตนเข้าใจว่าแม่ของแตงโมยังไม่แล้วใจ กับคำตอบในคดีของแตงโม และตนก็ไม่คิดว่าแม่แตงโมจะนำเรื่องพวกนี้ไปขายเพื่อเอาสตางค์ แต่อาจจะเป็นการที่เขานำเอาไปใช้ในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ดังนั้นตนก็อยากให้ผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องทั้งหลาย ที่บอกว่าจะมาช่วยในคดีแตงโม ก็ขอให้ทบทวนกันว่าสิ่งที่ทำเป็นการช่วยจริงๆ หรือไม่ หากกลายเป็นการซ้ำเติมหรือเป็นการกระทำที่ไม่ก่อให้เกิดความยุติธรรมกับแตงโมก็ควรหยุด
ส่วนกรณีของแม่แตงโมตนขอใช้คำว่าเข้าใจมากกว่าคำว่าเห็นใจ เพราะอย่างที่เคยบอกตนไม่เคยโกรธ กับคนทั้งหลาย และอยากให้คุณแม่ของแตงโมมีสมาธิ แยกแยะให้ออกว่าใครมีความจริงใจต้องการจะทำให้เกิดความยุติธรรม
ไม่อย่างนั้นก็จะทำให้เกิดความสับสน และอาจจะไปไม่ถึงเป้าหมาย สำหรับตัวหมอไม่เคยปิดโอกาส แต่จะไม่เป็นฝ่ายวิ่งเข้าไปหา เราเป็นฝ่ายช่วยหากมีช่องทางใดเราก็ช่วยตามช่องทางนั้น จะไม่เป็นเครื่องมือของใคร
เมื่อถามถึงความคืบหน้าในส่วนที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภา เพื่อขอให้ช่วยประสานกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ไปตรวจเรือลำที่เกิดเหตุใหม่อีกครั้งนั้น แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์กล่าวว่า
ตนก็ได้อธิบายให้กับนายอัจฉริยะเข้าใจแล้วว่าบทบาทของคณะกรรมาธิการมีข้อจำกัดอย่างมาก คือเราไม่สามารถจะไปตามสืบหรือส่งตรวจเองได้ แต่จะสามารถประสานไปยังหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือได้เพราะถือว่ามีการกระทบสิทธิ
ซึ่งก็จะเป็นภาพสะท้อนว่ามันมีจุดอ่อนในระบบตรงไหนบ้าง และก็ได้คำแนะนำไปแล้วว่าจะสามารถดำเนินการตรงไหนอย่างไรได้บ้างไปแล้ว ส่วนเรื่องที่จะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบเพราะเป็นเรื่องของ DSI ซึ่งก็จะไม่ก้าวก่ายกัน
ตนก็สามารถจะพูดได้ และการพูดก็จะทำให้เห็นว่าประเด็นจุดตกเรือเป็นสิ่งสำคัญ ไม่แพ้ไปกว่ารอยใหญ่เกิดจากอะไร ซึ่งตนก็มองว่าจุดนี้เป็นสิ่งสำคัญ
ถ้าวิทยาศาสตร์บอกว่า จุดตกเรือเป็นหัวเรือ ตำรวจจะฟังหรือไม่ อัยการจะฟังหรือไม่ และจะทำอย่างไรกับการที่จะไปตรวจทานกับคำให้การ เพราะหลักการทั่วไปวิทยาศาสตร์มีความน่าเชื่อถือกว่าคำให้การ
เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่าตนเพิ่งจะมาพูด แต่ทำตามหน้าที่ตามจังหวะและโอกาส ซึ่งความคิดไม่เคยเปลี่ยน ทั้งความเห็นและการวิเคราะห์ ไม่เปลี่ยนและก็ไม่หยุดด้วย เพราะคดียังไม่จบแค่นี้
อย่างไรก็ตาม หากมีความคืบหน้าอย่างไร จะรายงานให้ทราบต่อไป
ขอบคุณ one31