วันที่ 5 พ.ค. นายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา มือปราบสัมภเวสี และแฟนสาวพร้อม ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และป้ารัตนาได้เดินทางไปที่วัดใหม่พรหมพิราม หมู่ 1 ต.พรหมพิราม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เพื่อพูดคุยกับ พระครูธีรศาสน์ กิตจาทร เจ้าอาวาสวัด พร้อมกับนำเงินค่าทำป้ายไปทำบุญกับเจ้าอาวาส

โดยมีชาวบ้านจำนวนมากร่วมรับฟังด้วย หลังจากมีกระแสข่าวโซเชียลที่โพสต์ภาพและข้อความว่า วัดแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก ขึ้นป้ายต่อต้านหมอปลาโดยมีข้อความในป้าย เขียนไว้ว่า ร่วมปลุกกระแส ห้ามหมอปลา เข้าสร้างความวุ่นวายในเขตวัด ทำตัว อยู่เหนือกฎหมาย ใช้อำนาจอะไร

แค่อ้างว่ามีคนร้องเรียน ก็บุกเข้าค้นวัดได้ทุกซอกทุกมุม โดยไม่ต้องมีหมายค้น, ถ้าแน่จริง มีคนแจ้งว่า บ้านนั้นค้าของเถื่อน กล้าเข้าค้นเหมือนเข้าค้นวัดไหม วัดเป็นนิติบุคคล เจ้าอาวาสเป็นพนักงาน ทุกวัดควรขึ้นป้าย ต่อต้านหมอปลา ฝ่าฝืนเข้าไปทำแบบที่เคยทำในวัดไหน ให้ฟ้องศาลทุกวัด ผิด,ถูกไปว่ากันที่ศาล ก่อนที่จะทำการปลดป้ายลงมาทำการทำลายเมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา

กระทั่ง พระครูสิทธิธรรมานุสนธิ์ เจ้าคณะอำเภอพรหมพิราม พร้อมด้วย พระครูปลัดธวัชชัย ธวชชยเมธี เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทอง/เจ้าคณะตำบลบางระกำ เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ได้แถลงข่าวผลการสอบสวนกรณีขึ้นป้ายห้ามหมอปลาเข้าวัดว่า พระครูธีรศาสน์กิตจาทร เจ้าคณะตำบลวงฆ้อง เขต 2

ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดใหม่พรหมพิราม เป็นผู้ที่สั่งทำป้ายดังกล่าวด้วยตนเองเมื่อวันจันทร์ที่ 2 พ.ค.2565 ในราคา 1,800 บาท เพราะเห็นป้ายข้อความดังกล่าวในสื่อโซเชียล (กลุ่มไลน์) แล้วนำส่งไปให้ร้านมาพิมพ์ติดที่วัด

เบื้องต้นทางคณะสงฆ์ได้ว่ากล่าวตักเตือนเจ้าอาวาสว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ส่วนข้อร้องเรียนในสื่อสังคมโซเชียลเรื่องดื่มและฉันหมูกระทะในวัดนั้น จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง ตามที่ได้มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

จากการพูดคุยทำความเข้าใจกัน พระครูธีรศาสน์กิตจาทร เจ้าอาวาสวัดใหม่พรหมพิรามและเจ้าคณะตำบลวงฆ้อง เขต 2 ยอมรับว่าเป็นคนสั่งทำป้ายจริง ขออภัยหมอปลาและทางญาติโยมด้วย ถือว่าทำความผิดก็ได้ทำการปลงอาบัติไปแล้ว แต่ตอนทำนั้นยืนยันว่าคิดน้อยไปหน่อย พอดีมีการส่งต่อภาพป้ายกันมาในไลน์ ตนก็เลยสั่งร้านทำว่าเอาป้ายแบบนี้

ยืนยันว่าข้อความทั้งหมดไม่ได้คิดเองดูจากหลักฐานในไลน์ได้ ยอมรับผิดว่าคิดน้อยไปหน่อย ไม่ทันได้นึกถึงผลกระทบที่จะตามมา ซึ่งจากนั้นพอจบเรื่องป้ายไวนิล ทีมข่าวก็ได้สอบถามถึงกรณีที่มีการร้องเรียนเข้ามาเยอะเกี่ยวกับเรื่องเจ้าอาวาสติดดื่ม ฉันเครื่องดื่มเป็นประจำซึ่งเรื่องนี้ เจ้าอาวาสวัดดังกล่าวก็ยอมรับว่าฉันเครื่องดื่มจริง แต่ไม่ได้ฉันบ่อยเฉพาะเวลาเครียดเท่านั้นและยอมรับว่าเพิ่งฉันไปเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา

ส่วนเรื่องหมูกระทะก็ยอมรับเช่นกันว่าเคยมีการโทรสั่งมาฉันและเลี้ยงพระลูกวัดภายในวัดจริง ทำให้ชาวบ้านที่มานั่งร่วมรับฟังถึงกับส่งเสียงด้วยความไม่พอใจ และเปิดเผยกับหมอปลาว่าเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ชาวบ้านเคยร้องเรียนเรื่องดื่มกินหมูกระทะไปแล้ว แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้เข้ามาตรวจสอบ เมื่อยังกระทำผิดซ้ำๆ อย่างนี้ก็อยากให้พิจารณาตัวเองจะไม่ขับไล่

ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านที่มาร่วมรับฟังด้วยได้สอบถามพระครูธีรศาสน์ กิตจาทร ว่าจะพิจารณาอย่างไร พระครูธีรศาสน์ จึงบอกกับทุกคนว่า ขอเวลา 3 วันเพื่อรอการไต่สวนและมติของคณะสงฆ์และสำนักพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลก ก่อนจะขอตัวไปพักผ่อน

ด้านตัวแทนชาวบ้านบอกว่า วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ในพื้นที่ชาวบ้านรุ่นต่อรุ่นมาทำบุญที่นี่กันเรื่อยมา จนเมื่อ 3 ปีก่อน มาทราบเรื่องเจ้าอาวาสประพฤติตนไม่เหมาะสม เจ้าอาวาสขอโอกาสญาติโยมอีกครั้ง ชาวบ้านก็ให้โอกาสแต่คนก็เริ่มห่างวัด มาทำบุญน้อยลง แล้วตอนนี้ยังทำอีก และทำให้วัดเสื่อมเสียชื่อเสียง ถึงชาวบ้านจะไม่ขับไล่เพราะเห็นแก่พระที่บวชมานานถึง 35 ปี

แต่ให้ท่านไปพิจารณาตัวเอง ว่าสมควรที่จะสึกแล้วหรือไม่ แต่หากท่านยืนยันไม่สึกจะใช้เพียงการปลงอาบัติเพียงอย่างเดียว ก็เกรงว่าชาวบ้านจากนี้คงไม่ศรัทธาและคงไม่เข้ามาทำบุญที่วัดแห่งนี้อีก จากนั้นชาวบ้านได้ขอหมอปลาและป้ารัตนาถ่ายรูปด้วย เนื่องจากเป็น FC ติดตามทางโซเชียลมานาน

อย่างไรก็ตาม หมอปลาบุกหาเจ้าอาวาส ยอมรับทั้งดื่ม ฉันหมูกระทะ แต่ปลงอาบัติแล้ว