ชาวโซเชียล ไม่พอใจ หลังชายหญิง ใช้เท้ายันผนังสิมโบราณ อายุกว่าร้อยปี

ชาวโซเชียล ไม่พอใจ หลังชายหญิง ใช้เท้ายันผนังสิมโบราณ อายุกว่าร้อยปี

วานนี้ (15 เม.ย. 65) จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ชาว.ขอนแก่น ได้ทำการโพสต์ภาพชายหญิงคู่หนึ่งได้ถ่ายรูปที่บริเวณสิม หรือโบสต์เก่าแก่ อายุกว่า 100 ปี ที่วัดไชยศรี บ้านสาวะถี ตำบลสาวะถี อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งภายในรูปดังกล่าวฝ่ายชายได้มีการแต่งตัวคล้ายคนโบราณพร้อมกับใช้เท้าข้างขวายันและพิงเข้ากับผนังของสิม

ขณะที่ฝ่ายหญิงได้ใส่รองเท้าขึ้นมา โดยปกติแล้วสิมเก่าแก่นี้ จะไม่อนุญาตให้สวมรองเท้าขึ้นมา และไม่อนุญาตให้ผู้หญิงขึ้นมาบริเวณด้านบน โดยระบุข้อความในโพสต์ว่า เราไม่ใช่คนบ้านสาวะถี แต่รักที่นี่และเข้าไปโดยเคารพกติกาสังคม แต่ภาพที่ปรากฏจากที่เห็น คือ สิ่งที่ชาวชุมชนไม่สามารถยอมรับได้ การเข้าไปเยือนโดยไม่เคารพสถานที่ ไม่เคารพกติกาสังคม ถือว่าไร้วัฒนธรรมที่สุดแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นชาวชุมชนสาวะถีเห็นภาพแล้ว และยากที่จะรับได้

ล่าสุด ภายหลังจากที่ภาพดังกล่าวได้มีการเผยแพร่ออกไปแล้ว ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง วัดไชยศรี บ้านสาวะถี ตำบลสาวะถี อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น และได้พบกับพระครูบุญชยากร เจ้าอาวาสวัดไชยศรี เพื่อสอบถามเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว

ด้านเจ้าอาวาสก็ได้มีการเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทางวัดพึ่งเห็นรูปดังกล่าว และจะได้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการวัดเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากทางวัดไม่รู้ว่าเจตนาของคนที่เผยแพร่รูปออกไปคืออะไร เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีคนมาขอถ่ายรูปลักษณะนี้เช่นกัน แต่มีการขออณุญาติก่อน

แต่ภาพดังกล่าวที่มีเห็นอยู่ในสังคมออนไลน์ ยังไม่มีการขออณุญาตของทางวัด ซึ่งเป็นการแอบเข้ามาภายในวัดและถ่ายรูปดังกล่าวโดยไม่ปฏิบัติตามกฎของทางวัด ซึ่งบริเวณขั้นบันใดทางขึ้นสิมก็มีการเขียนป้ายไว้ชัดเจนว่า ห้ามผู้หญิงขึ้นมาบริเวณสิม ถ้าเกิดมีการขออณุญาตทางวัดก็จะได้มีการอำนวยความสะดวก รวมถึงชี้แจงกฎข้อห้ามต่าง ๆ เพื่อที่จะทำให้สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง

และภาพที่มีการเผยแพร่ออกไปนั้น คาดว่าจะไม่ใช่ช่วงสงกรานต์เพราะว่า ถ้าเป็นช่วงสงกรานต์ทางวัดจะเปิดประตูสิมไว้ อาจะเป็นรูปถ่ายที่ผ่านมานานแล้ว อีกทั้งทางวัด จะยังไม่มีการชี้แจงอะไรเนื่องจากช่วงนี้ยังเป็นเทศกาลงานบุญ ไม่อยากให้มีเรื่องดราม่าเกิดขึ้น ภายหลังจากเทศกาลสงกรานต์ทางวัดก็จะได้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการวัดอีกครั้งเพื่อหาแนวทางในการดำเนินการต่อ แต่อาจจะเป็นการเรียกคุยเพื่อถามจุดประสงค์ของการถ่ายภาพดังกล่าว และจะได้ชี้แจงกับทางเจ้าของภาพเพื่อให้ทำความเข้าใจกับประเพณีที่ชาวปฏิบัติสืบต่อกันมา

ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้

เรียบเรียง มุมข่าว

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ