น้าชาย เปิดใจแล้ว หลังบังคับหลานสาวสองให้ไปตัดผม

น้าชาย เปิดใจแล้ว หลังบังคับหลานสาวสองให้ไปตัดผม

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง เผยแพร่คลิปวิดีโอปรากฏภาพชายวัยกลางคนกำลังบังคับคนในครอบครัว และมีผู้หญิงวัยกลางคนอีกคนกำลังนั่งอยู่แต่กลับไม่ช่วยเหลือ ทั้งนี้คนที่ถ่ายคลิปได้อธิบายว่า คนที่โดนกระทำเป็นแฟนของเขาเอง ซึ่งเป็นสาวสอง ส่วนคนที่ทำคือน้า เหตุผลที่ทำเพราะโมโหที่หลานชายแต่งหญิง และมีลักษณะตุ้งติ้ง ไว้ผมยาวเหมือนผู้หญิง โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กรายดังกล่าวยังได้อธิบายเพิ่มเติมว่า แฟนผมถูกกระทำโดยคนที่บ้าน แชร์ออกไปให้ถึงที่สุดครับ ผมเอาเรื่อง คลิปหลักฐานแฟนผมถูกทำ โดยที่บ้านให้เหตุผลเพราะว่าเขาเป็นสาวสอง ช่วยแชร์ออกไปให้ถึงที่สุดทีครับ ผมไม่ไหวกับบ้านแบบนี้แล้ว

ล่าสุดวันที่ 13 ม.ค.65 เจ้าหน้าที่มูลนิธิ MPlus Thailand ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลสิทธิทางเพศในกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ ระดับประเทศ ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ในการพูดคุยและดูแลสภาพจิตใจของน้องผู้เสียหาย ตลอดจนได้พาน้องเข้าพบกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาเรื่องที่เกิดขึ้น

น้องเจด้า อายุ 21 ปี เล่าให้ฟังว่า คนที่กระชากผมตนมีศักดิ์เป็นน้าชาย ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้นจริง ๆ มาจากครอบครัวบังคับให้ตนไปตัดผมที่ไว้ยาวมานานกว่า 3 ปี เนื่องจากไม่ชอบที่ตนมีลักษณะและแต่งกายคล้ายผู้หญิง แต่อยากให้ตนแต่งผู้ชายและตัดผมสั้น โดยในวันดังกล่าวเป็นวันสุดท้ายที่ครอบครัวยื่นข้อเสนอว่าต้องตัดผม น้าชายจึงเหวี่ยงตนลงกับพื้น รวมไปถึงยังกระชากตนไปมาลากกับพื้น เพื่อที่จะบังคับขึ้นรถไปตัดผม

แต่ขณะนั้นตนไม่ยอม จึงถูกฉุดกระชากลากถูดังที่ปรากฏตามคลิปดังกล่าว ตนจึงได้รับบาดเจ็บมีแผลถลอกเล็กน้อย แต่ความรู้สึกทางใจค่อนข้างหวาดกลัวและหวาดระแวง สุดท้ายตนก็ต้องจำยอมตัดผมสั้นตามที่ครอบครัวอยากให้เป็น ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้ว่าจะมีคุณย่า และแม่แท้ ๆ ของตนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่เขาก็ไม่ได้เข้ามาช่วยห้าม กลับนั่งดูเหตุการณ์ ตนยอมรับว่าแอบน้อยใจและเคยพูดคุยกับแม่เรื่องดังกล่าว แม่ก็ไม่ได้รับฟัง เพราะแม่เชื่อน้าชาย เพราะเขาเป็นผู้ที่ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ตลอดจนมีอำนาจสั่งคนในบ้านได้ เนื่องจากเป็นบ้านของเขา เลยไม่มีใครกล้าขัดแม้กระทั้งแม่ของตน

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการลงไม้ลงมือ ก่อนหน้านี้จะมีแค่ขู่และพูดจาด่าทอ เป็นระยะเวลากว่า 3 ปี แต่ไม่ถึงขั้นทำร้ายร่างกาย อย่างไรก็ตาม หลังจากมีเรื่องตนก็ได้ออกจากบ้านมานอนที่หอพัก

ขณะที่เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิที่ดูแลในเรื่องดังกล่าว ก็ได้เข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจา ซึ่งวันนี้ก็ได้เชิญครอบครัวของตนมาพูดคุยแล้ว แต่กลับใช้อารมณ์เลยไม่เป็นผลสำเร็จ ก็คงต้องรอสักระยะหนึ่งแล้วอาจจะเข้าไปพูดคุยอีกครั้ง ซึ่งในเรื่องคดีความ ตนคงจะไม่ถึงขั้นแจ้งความร้องทุกข์ อยากพูดคุยกันก่อน เพราะสุดท้ายแล้วน้าก็คือคนในครอบครัว ตนไม่อยากให้เรื่องราวนี้ต้องกลายเป็นข้อบาดหมางกันต่อไป

ขณะที่ "น้องคอม" อายุ 20 ปี แฟนหนุ่มของน้องเจด้า และเป็นคนที่ถ่ายคลิป เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยืนยันว่าค่อนข้างรุนแรง เพราะน้าต้องการเพียงแค่ให้ตัดผม แต่ไม่น่าจะใช้ความรุนแรงมากขนาดนี้ จริง ๆ ก็สามารถพูดคุยหรือเจรจากันได้ ตนรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงไลฟ์สดให้เพื่อนๆ เข้ามาช่วยเหลือ "ผมยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาจะโจมตีหรือต่อว่าครอบครัวแฟน แต่แค่อยากให้คนเข้ามาช่วยเหลือ หลังจากนี้ก็คงให้ทางเจด้า เป็นคนตัดสินใจในการพิจาณาว่าจะเดินหน้าอย่างไร" น้องคอม กล่าว

ทีมข่าว ได้เดินทางไปพูดคุยกับนายธนเดช (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี กล่าวยืนยันว่า ในวันนั้นตนไม่ได้ทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด มีแค่ปากเสียง หรือการใช้น้ำเสียงข่มขู่เท่านั้น ที่สำคัญไม่ได้เหยียดเพศ แต่สาเหตุหลัก ๆ มาจากที่ตนในฐานะน้าและเป็นคนเลี้ยงดูหลานมาตั้งแต่เล็ก ๆ ค่อยสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายทุกเรื่อง ทั้งนี้ น้องก็กำลังจะฝึกงานในช่วงปลายปี 65 ตนจึงอยากให้หลานเป็นไปตามระเบียบและข้อปฏิบัติให้เรียบร้อย เลยขอความร่วมมือว่าตัดผมสั้นเพื่อความเรียบร้อยในการฝึกงาน เพราะน้องเรียนนิติศาสตร์ เกรด 3.9 ตนเป็นห่วงว่าหากไปฝึกงานจะโดนตำหนิได้

"ส่วนตัวรักเขาเหมือนลูก เพราะผมไม่ได้มีลูก เลยเลี้ยงเขาเหมือนลูก ไม่มีวันที่ผมจะทำร้ายเขาได้ อยากให้สังคมเข้าใจด้วย และฟังความ 2 ด้าน ผมก็ไม่อยากให้โจมตีหลาน แค่อยากให้เห็นความจริงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปตามคลิป ส่วนคนในโซเชียลฯ หากใครอยากรู้ว่าเหตุการณ์จริง ๆ เป็นยังไร ให้เดินทางมาหาผมได้" นายธนเดช กล่าวยืนยัน

นางณัฐณี ธิอ้าย อายุ 45 ปี แม่ของน้องเจด้า เปิดเผยว่า จริง ๆ แล้วเหตุการณ์ดังกล่าว น้าชายแค่ต้องการให้หลานชายไปตัดผม เนื่องจากต้องไปฝึกงานเกี่ยวกับนิติศาสตร์ และอยากให้เป็นไปตามกฎระเบียบ จึงมีการตกลงกันว่าจะตัดผมเป็นผู้ชาย น้องก็ตอบตกลง แต่พอช่วงหลัง ๆ ทำไมจู่ ๆ ถึงปฏิเสธที่จะตัดผม ตนยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำร้ายร่างกาย ตนไม่ได้เข้าข้างญาติ เพราะอีกคนก็คือลูก แต่อยากพูดในมุมความจริง ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ที่ตนเลี้ยงลูกมา ตนไม่เคยทำร้ายร่างกายแม้แต่ครั้งเดียว

อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ลูกชายกลับมาพูดคุยกันดี ๆ ตนไม่ติดใจหรือจะเอาเรื่อง ยอมรับว่าขณะนี้ตนเครียด เพราะมีคนเข้ามาโจมตี ทั้ง ๆ ที่หลายคนยังไม่ทราบความจริงว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมีที่มาที่ไปอย่างไร ตนขอให้ฟังความ 2 ด้าน แต่ไม่ใช่ว่าจะให้โตมตีลูกชายได้

คลิป

ขอบคุณ ภาพ และข่าวจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ