สามีแอบไปมีคนอื่น

สามีแอบไปมีคนอื่น

จากกรณีนางสาวดาว (นามสมมติ) อายุ 39 ปี นำหลักฐานเป็นบันทึกกคลิปเสียงการพูดคุยระหว่างพยาบาลสาวกับตัวเอง เข้าร้องเรียนกับ นายทอง พันทอง รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ขอให้ตรวจสอบความผิดทางวินัยกับพยาบาลวิชาชีพ อายุ 41 ปี ทำงานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแห่งหนึ่งใน อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

โดยผู้ร้องระบุว่าพยาบาลคนดังกล่าวมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม แอบไปจดทะเบียนสมรสกับสามีตำรวจหนุ่ม อายุ 29 ปีของตัวเอง ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าฝ่ายชายมีลูกมีเมียแล้ว ถือเป็นการทำลายครอบครัวคนอื่นอย่างตั้งใจ

วันที่ 7 ก.ค. 64 นางสาวดาว เล่าว่า ตนได้คบหาอยู่กินฉันสามีภรรยากับสามีมานานเกือบ 6 ปี ตั้งแต่ก่อนสามีสอบติดนักเรียนนายสิบ ต่อมาหลังสามีสอบติด และได้รับการบรรจุรับราชการที่โรงพักใน อ.พร้าว ก็ได้อยู่กันกันฉันสามีภรรยามาโดยตลอด แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส จนมีลูกผู้หญิงด้วยกัน 1 คน ขณะนี้อายุ 2 ขวบ ต่อมาช่วงหลังประมาณเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา สังเกตเห็นว่าพฤติกรรมของสามีเปลี่ยนไป ทั้งไม่ค่อยกลับบ้าน ชอบแอบคุยโทรศัพท์ ตนจึงจับตาสังเกตพฤติกรรมและถามความจริง แต่สามีก็ปฏิเสธมาตลอด บอกว่ารักครอบครัว

ที่ผ่านมาตนได้ปรึกษาเรื่องนี้กับแม่สามี แม่สามีก็เชื่อว่าอาจมีหญิงสาวมาติดพัน พร้อมแนะนำให้ไปดูด้วยตัวเอง ตนจึงตัดสินใจเดินทางไปที่ อ.พร้าว จนทราบความจริงจากชาวบ้านว่าสามีคบหากับพยาบาลหญิงมานานแล้ว ทั้งที่พยาบาลคนนี้ก็มีแฟนอยู่แล้ว เป็นแพทย์หญิงใน อ.พร้าว หลังจากนั้น ตนจึงไปคุยกับสามี จนยอมรับความจริง ตนเองจึงขอเลิกกับสามี และให้สามีออกจากบ้านไปในวันที่ 26 พ.ค. 64 โดยสามียอมเซ็นชื่อรับรองบุตร นางสาวดาว กล่าวว่า พฤติกรรมของพยาบาลถือว่าผิดศีลธรรม จริยธรรม แอบคบกับสามีคนอื่นถึงขั้นไปจดทะเบียนสมรส ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามีครอบครัวแล้ว จึงต้องการให้หน่วยงานต้นสังกัดเข้าตรวจสอบความผิดทางวินัย เพราะมองว่าเป็นข้าราชการไม่ควรมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมแบบนี้ ส่วนสามีนั้นตนได้ตัดสินใจเลิกกันไปแล้ว จะไม่ร้องเรียนต้นสังกัด เพราะสามียอมเซ็นรับรองบุตรให้ มองว่าเรื่องนี้หากผู้หญิงไม่เล่นด้วย ปัญหาก็คงจะไม่เกิดขึ้น

นายกล้า (นามสมมติ) เพื่อนร่วมงานของนางสาวก้อย (นามสมมติ) พยาบาล ภรรยาตามกฎหมายของสามีผู้ร้องเรียน บอกว่า นางสาวก้อย เป็นคนที่อัธยาศัยดี พูดจาดี เป็นคนคอยประสานงานระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน ซึ่งก็มักไปช่วยงานเจ้าหน้าที่แพทย์ในโรงพยาบาลเป็นประจำ โดยคนที่นี่รู้ทราบกันดีว่านางสาวก้อยเป็นแฟนกับทอม และคบกันมาหลายปีแล้ว จนล่าสุดวันนี้ ตนเพิ่งมาทราบข่าวก็รู้สึกตกใจ แต่ตนไม่รู้จักกับตำรวจนายนั้น ซึ่งทอม แฟนของนางสาวก้อยเป็นเจ้าหน้าที่แพทย์ ส่วนใหญ่ลงพื้นที่กับภาคประชาชน ไม่ค่อยได้อยู่ในโรงพยาบาล ตนก็ไม่แน่ใจว่าเป็นช่วงเวลานั้นหรือไม่ที่เขาไปสานสัมพันธ์กัน และที่น่าตกใจไปกว่านั้น คือนางสาวแก้วไปจดทะเบียนสมรสกับนายตำรวจแล้ว

ทั้งนี้ ตนรู้สึกสงสารทั้งภรรยาของตำรวจที่มีลูกด้วยกัน และสงสารทอม แฟนของนางสาวก้อย เพราะเห็นว่าเมื่อช่วงปลายเดือน มิ.ย. 64 เหมือน ป่ ว ย นอนแอดมิตเป็นสัปดาห์ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเขาเครียดกับเรื่องนี้หรือไม่

นายอนุสรณ์ อะสุรพงษ์ ทนายความ บอกว่า เรื่องการจะมองว่าใครคือเมียหลวงหรือเมียน้อย ให้ดูที่ทะเบียนสมรสเป็นสำคัญ ถึงแม้ว่าทางพฤตินัยจะอยู่กินแบบฉันสามีภรรยา ถ้าไม่ได้จดทะเบียนกันก็ไม่มีผลทางกฎหมาย แต่กรณีดังกล่าว ผู้ร้องเรียนเป็นภรรยาโดยพฤตินัย ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน มีบุตรด้วยกัน 1 คน ในทางกฎหมาย ผู้เป็นแม่สามารถเรียกร้องค่าเลี้ยงดูบุตรจากผู้เป็นพ่อได้

ส่วนเรื่องที่ผู้ร้องเรียนกลัวการถูกฟ้องกลับนั้น ถ้าหากหลักฐานที่นำไปร้องเรียน สามารถพิสูจน์ทราบและเห็นถึงข้อเท็จจริง โดยให้ดูที่เจตนา ซึ่งในฐานะประชาชนคนหนึ่งก็สามารถร้องเรียนหน่วยงานต้นสังกัดได้ หากพบพฤติกรรมไม่เหมาะสม และการผลของการสอบสวนข้อเท็จจริงก็ขึ้นอยู่กับต้นสังกัดที่ดูแลพยาบาลคนดังกล่าว

ส่วนนายตำรวจผู้นั้นถึงแม้ว่าไม่มีใครไปร้องเรียน แต่ถ้าหน่วยงานรัฐทำการตรวจสอบ และสืบทราบที่มาที่ไปจนได้ข้อเท็จจริงแล้วก็อาจจะโดนดำเนินการด้วย เพราะถึงแม้ว่าจะจดหรือไม่จดทะเบียน แต่การกระทำดังกล่าวผิดศีลธรรมอันดีงาม เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอาชีพที่ทรงเกียรติ ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่สังคม นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พร้าว ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า นายตำรวจคนดังกล่าวปัจจุบันได้ไปช่วยราชการที่ภาค 5 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 แล้ว

ขอบคุณ ภาพข่าวจากทุบโต๊ะข่าวอัมรินทร์ทีวี

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ