ส่งน้องอุ้ย  สะเทือนใจทั้งงาน พ่อแม่กอดกันร้องไห้

ส่งน้องอุ้ย สะเทือนใจทั้งงาน พ่อแม่กอดกันร้องไห้

จากกรณีรถเก๋งสปอร์ต บีเอ็มดับเบิ้ลยู รุ่น Z4 ทะเบียน 3กก7558 กรุงเทพมหานคร โดยมี นายสุรภักดิ์ ภูไชยแสง คนขับ อายุ 50 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร และน.ส.เมย์ อายุ 18 ปี ที่นั่งมาด้วย เสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางถนนไปชนกับรถเก๋งซูซูกิ สวิฟต์ ทะเบียน 1ขฐ9316 กรุงเทพมหานคร ที่วิ่งมาทางตรงมุ่งหน้าเข้าตัว จ.เพชรบูรณ์ ทำให้คนขับและคนที่นั่งข้างคนขับมาที่อยู่ในรถเก๋ง สวิฟต์ เสียชีวิตทันที 2 ราย คือ น.ส.กรกฏ หิรัญ อายุ 31 ปี คนขับ และน.ส.วรรณกานต์ วรรณกายนต์ อายุ 29 ปี และคนขับบีเอ็มดับเบิ้ลยู เสียชีวิตด้วยนั้น เวลา 14.00 น. ที่วัดช้างเผือก อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ มีพิธีการฌาปนกิจศพ น.ส.วรรณกานต์ วรรณกายนต์ เริ่มจากญาติและคนสนิทถวายผ้าบังสกุล แก่พระสงฆ์จำนวน 20 รูป จากนั้นนายแอนดี้ ประธาน บริษัท เฮงเค็ลประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นหัวหน้างานของ น.ส.วรรณกานต์ ได้กล่าวแสดงความเสียใจ

จากนั้น น.ส.อ้อมขวัญ พี่สาวคนโตขึ้นอ่านประวัติ ระบุว่า น.ส.วรรณกานต์ หรือ อุ้ย เกิดวันที่ 8 ก.ค. 2535 มีพี่น้องรวม 3 คน ได้แก่ น.ส.อ้อมขวัญ วรรณกายนต์, น.ส.อรพิม วรรณกายนต์ และ น.ส.วรรณกานต์ หรือ อุ้ย ซึ่งเป็นน้องสาวคนสุดท้อง น.ส.วรรณกานต์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปัจจุบันทำงานในตำแหน่ง customer service technical -surface บริษัท เฮงเค็ลประเทศไทย จำกัด เป็นลูกสาวและน้องสาวที่ให้ความห่วงใยบิดามารดา และพี่สาวทั้ง 2 คนเป็นอย่างมาก

น้องอุ้ยทำให้ครอบครัวมีความสุข หวังให้ครอบครัวมีความสุข ทั้งยังเป็นที่รักของเพื่อน ๆ ที่พบเจอ มีอุปนิสัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มองโลกในแง่ดี และมีน้ำใจเอื้อเฟื้อต่อผู้อื่นอยู่เสมอ ทั้งคนรู้จักและไม่รู้จัก ในวาระสุดท้าย น.ส.วรรณกานต์ ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 64 รวมอายุเพียง 29 ปี การถึงแก่กรรมของน.ส.วรรณกานต์ ไม่ใช่การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวเท่านั้น แต่นับว่าเป็นการสูญเสียบุคคลอันมีค่ายิ่งอีกด้วย ชีวิตและความตายเป็นของคู่กัน ที่ใดมีเกิดที่นั่นต้องมีตาย ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายถูกการเกิด การแก่เบียดเบียน ย่อมสูญสิ้นไปตามกาลเวลา ครั้งหนึ่งกาลกำหนดแล้วย่อมสูญสิ้นไป พระพุทธศาสนาจึงสอนให้พุทธศาสนิกชนทำความดีเป็นนิจ เพื่อความสงบสุขของชีวิตในปัจจุบัน เป็นที่พึ่งพิงแก่โลกเบื้องหน้า และฝากเกียรติคุณชั่วกาลนาน

จากนั้นพิธีกรอ่านกลอนแสดงความอาลัย โดยเป็นกลอนที่มีคนส่งมาให้ ความว่า ไม่ควรตาย ต้องมาตาย ใครกำหนด อยากขับรถ กลับบ้าน หาพ่อแม่ ไปเยี่ยมท่าน ไปกอดท่าน ไปดูแล ไปให้แม่ ทำกับข้าว ให้ลูกทาน ถึงไหนแล้ว ลูกรัก พ่อรออยู่ พ่อรอหนู แม่ก็รอ อยู่ที่บ้าน อาหารพร้อม ของชอบ พ่อรอทาน อีกไม่นาน ใกล้ถึงแล้ว ลูกตอบมา บ่ายสามโมง พ่อชะเง้อ รอลูกรัก อีกสักพัก คงถึง พ่อห่วงหา จะได้กอด กินข้าว กับแก้วตา อยากเจอหน้า ลูกจำ พ่อนั่งรอ รอเสียงรถ แต่กลับมี เสียงตามสาย ใจสลาย เกิดเรื่องร้าย ได้ไงหนอ มองอาหาร ในจาน น้ำตาคลอ ต่างเฝ้ารอ ความสุข ในมื้อเย็น หนาวไหมลูก พ่ออยู่ ตรงนี้แล้ว เจ้าดวงแก้ว ของพ่อ อย่าทุกข์เข็ญ พ่อมา โอบ กอดเจ้า เจ้าตัวเย็น ไออุ่นพ่อ จะเป็น ผ้าห่มแทน กลับถึงบ้าน แล้วนะ ขวัญตาพ่อ อย่ากลัวหนอ พ่อกอดเจ้า ในอ้อมแขน เห็นเจ้าแล้ว พ่ออยาก จะเจ็บแทน สุดหวงแหน สุดรัก สุดดวงใจ ชีวิตหลัง ความตาย ใครจะรู้ ว่าจะอยู่ ถิ่นแคว้น ดินแดนไหน คนดีดี สวรรค์ต้อง มารับไป ที่ไม่ใช่ คงสวนไป อีกเส้นทาง

ขอเป็นหนึ่ง กำลังใจ จากตรงนี้ ไม่อยากเห็น คนดี ต้องลาร้าง อุบัติเหตุ จะไม่เกิด บนหนทาง ถ้าก้าวย่าง มีสติ ไม่คะนอง ขอร่วมส่ง คนดี สู่สวรรค์ ขอเทวัญ คุ้มครอง น้องทั้งสอง ขอให้สุข สงบ ตามครรลอง ขอละออง ฝนฉ่ำ นำทางไป ขอคุณพ่อ คุณแม่ คุณพี่สาว เก็บภาพจำ ทุกเรื่องราว วันสดใส ลูกของเรา น้องของเรา เราภูมิใจ วันนี้ฟ้า ขอคืนไป เราต้องยอม ซึ่งขณะอ่านกลอน พ่อของ น.ส.วรรณกานต์ ร้องไห้ตลอดเวลาจน น.ส.อ้อมขวัญ ลูกสาวคนโตต้องมากอดเพื่อปลอบใจ

จากนั้นแขกที่มาร่วมงานได้ร่วมกันวางดอกไม้จันทน์หน้าโลงศพ ก่อนจะยกโลกออกมาจากศาลาเพื่อเคลื่อนไปยังเมรุ โดย น.ส.อรพิม และ น.ส.อ้อมขวัญ พี่สาวทั้ง 2 คนของผู้ตายถือรูปและกระถางธูปนำหน้าศพ ระหว่างนั้นนายนิติ วรรณกายนต์ พ่อ และนางจารุนันท์ วรรณกายนต์ แม่ผู้ตาย กอดคอกันร้องไห้ในศาลา พ่อตบหลังแม่และพยายามปลอบใจ ซึ่งทั้ง 2 คนไม่ได้ตามไปส่งลูกสาวที่เมรุ เพราะทำใจไม่ได้ และเป็นความเชื่อของชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ที่ไม่ให้พ่อแม่เผาลูก

จากนั้น เมื่อเคลื่อนศพ น.ส.วรรณกานต์ ถึงเมรุมีการเปิดโลงศพให้ญาติดูหน้าครั้งสุดท้าย น.ส.อ้อมขวัญ พี่สาวคนโต อุ้มเจ้าลูสก้า แมววัย 3 เดือนของผู้ตายไปดูหน้าเจ้าของ ส่วน น.ส.อรพิม น้องสาวคนรองร้องไห้อย่างหนัก ก่อนเจ้าหน้าที่นำศพเข้าเตาเผา และทำการเผาศพ

นายนิติ วรรณกายนต์ พ่อผู้ตาย กล่าวว่า ตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้นตามลำดับ เพราะมีกำลังใจส่งมาให้จำนวนมาก ทั้งทางออนไลน์และติดต่อเข้ามาด้วยตัวเอง เชื่อว่าคนส่วนใหญ่มองเห็นว่าใครถูกใครผิด ลูกของตนและแฟนสาว ตนก็นับเป็นลูกเหมือนกันนั้น ตนรู้ดีว่านิสัยการขับรถเป็นอย่างไร วิจารณญาณเป็นอย่างไร มั่นใจว่าไม่มีทางฮึกเหิมจนทำให้เกิดเหตุ ส่วนกรณีที่อีกฝ่ายอ้างว่า อุบัติเหตุในครั้งนี้ อาจเกิดจากรถบีเอ็มขับแข่งกับรถอีกคันแล้วโดนเบียดจนเกิดเหตุนั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องของอีกฝ่าย ส่วนตัวไม่มีอะไรจะพูดตรงนี้ เชื่อว่าเมื่อทุกอย่างเข้ากระบวนการยุติธรรมแล้ว ทุกอย่างจะออกมาชัดเจน เรื่องคดีความตนมอบหมายให้ลูกสาวเป็นคนดูแล

ทั้งนี้ ครั้งสุดท้ายที่ได้พูดคุย คือโทรศัพท์ถามลูกว่าถึงไหนแล้วลูก และบอกให้ขับรถเข้าบ้านมาอีกทาง เพราะทางเก่ากำลังทำทาง โดยตนเฝ้ารอลูก ตั้งแต่เช้าก็ไปตัดผักในสวน เดินไปกลับ 600 เมตร ด้วยความตั้งใจตัดผักมาให้ลูกกิน และก่อนลูกจะมาก็บอกว่าอยากกินมะม่วง แม่จึงตัดมะม่วงมาให้ พร้อมทำพุดดิ้งมะม่วงไว้ให้ลูกสาวด้วย

โดยวันนี้ส่งลูกเป็นครั้งสุดท้าย ตนไม่อยากพูดอะไรเพราะพูดไปก็เท่านั้น เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในใจ ส่วนฝ่ายคู่กรณีที่ฝากขอโทษมานั้น ตนก็รับทราบ แต่คิดว่าน่าจะมาคุยทำความเข้าใจกันต่อหน้า "เหมือนคุณไปทำอะไรผิดไว้แล้วไม่พูด คนที่ถูกกระทำจะรู้สึกอย่างไร" นายนิติ กล่าวทิ้งท้าย

ด้าน น.ส.อรพิม วรรณกายนต์ อายุ 31 ปี พี่สาวผู้ตาย กล่าวว่า หลังเสร็จสิ้นงานศพก็เตรียมยื่นฟ้องฝั่งคู่กรณี ซึ่งที่ผ่านมาตนได้คุยกับครอบครัว น.ส.กรกฎ แฟนของน้องสาวตลอด จะยื่นฟ้องพร้อมกัน ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวเรื่องความเร็วของรถบีเอ็มที่ขับถึง 133 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตนก็มองว่าเป็นความประมาท และหลักฐานหลายฝ่ายก็ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าจะสามารถปิดคดีได้โดยเร็ว โดยตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก แต่ตอนนี้ต้องเข้มแข็งเพื่อดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ให้น้องสาว

ส่วนกรณีที่ตนโพสต์เรื่องพุดดิ้งมะม่วงนั้น ก็เป็นพุดดิ้งที่แม่ทำไว้ให้น้องสาว เมื่อน้องไม่ได้มากินตนก็กินแทน แต่ได้เคาะโลงศพชวนน้องสาวก่อนกินแล้ว ส่วนเจ้าลูสก้า แมวของน้องสาวตนจะเป็นคนที่นำไปเลี้ยง และดูแลต่อเอง ทั้งนี้อยากบอกน้องว่าไม่ต้องห่วงเรื่องคดี พี่ ๆ จะจัดการให้ ส่วนพ่อแม่ก็ไม่ต้องเป็นห่วง ทุกคนเข้มแข็งกว่าที่น้องคิด ส่วนญาตินายสุรภักดิ์ คนขับบีเอ็มได้โอนเงินมาช่วยเหลือค่าจัดงานศพจำนวน 10,000 บาทแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ ส่วนกรณีเรื่องกล้องหน้ารถที่ขับตามหลังรถน้องสาวตน แต่ต้องกู้ไฟล์นั้น ตนได้คุยเบื้องต้นแล้วคาดว่าหลังจากนี้จะคุยกันอีกทีว่าจะดำเนินการกูไฟล์อย่างไร

น.ส.วรรัฐ หวังวิญญูเสื้อเขียว ผู้แต่งกลอนไว้อาลัย กล่าวว่า ตนเขียนบทกลอนนั้นโพสต์เฟซบุ๊ก ทางญาติของผู้เสียชีวิตเห็นและขออนุญาตนำไปอ่านในงานศพ ตนก็ยินดีให้นำไปใช้ได้ และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้สูญเสียด้วยเช่นกัน

ขอบคุณ เนื้อหาข่าว และภาพจากทุบโต๊ะข่าวอัมรินทร์ทีวี

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ