สาวโวย พ่อเป็นไข้ไป รพ. เอกชน ตกใจค่ารักษา 1 คืน ครึ่งแสน

สาวโวย พ่อเป็นไข้ไป รพ. เอกชน ตกใจค่ารักษา 1 คืน ครึ่งแสน

วันที่ 12 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า น.ส.เอ (นามสมมุติ) ได้มาร้องเรียนผ่านรายการ เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ว่า เป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่ถูกโรงพยาบาลเอกชนเก็บค่ารักษาพยาบาลแพงเช่นกัน

โดย น.ส.เอ เล่าว่า เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2563 พ่อของเธอป่วยมีไข้ อ่อนเพลีย จึงพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลรัฐใกล้บ้าน ซึ่งแพทย์ตรวจเอกซเรย์ปอด ตรวจเลือดอย่างละเอียด พบว่าพ่ออาจติดเชื้อจึงให้ยาฆ่าเชื้อแบบกินและฉีด โดยนัดมาฉีด 3 ครั้ง และกลับไปพักที่บ้าน แต่ตกกลางคืนอาการไม่ดีขึ้นครอบครัวกังวลเรื่องโควิด 19 เนื่องจากพ่ออายุมากแล้ว จึงลองหาข้อมูลโรงพยาบาลใกล้บ้านที่รักษาโควิด จนพบโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง และตัดสินใจพาพ่อไปคืนนั้นเลย

เมื่อมาถึงโรงพยาบาล พบว่า หมอในห้องฉุกเฉินเป็นหมอคนเดียวกับที่รักษาพ่อที่โรงพยาบาลรัฐเมื่อตอนกลางวัน คุณหมอก็จำได้ตนแจ้งอาการพ่อไม่ดีขึ้น หมอจึงให้แอดมิต และตรวจเลือด ตรวจปอด ตรวจทางแลป การเพาะเชื้อ การตรวจไขสันหลัง ตรวจระบบภายใน ให้ยาฆ่าเชื้อที่แรงขึ้นและน้ำเกลือ

คืนนั้นพวกตนก็กลับบ้าน เช้าวันต่อมาพ่ออาการดีขึ้นและจะขอกลับไปรักษาตัวที่บ้าน หมอให้ออกในตอนเย็นวันที่ 24 ธันวาคม 2563 เมื่อไปจ่ายค่ารักษาพยาบาล ตอนนั้นตกใจมาก แอดมิต 1 คืน ค่ารักษา 50,533 บาท จึงตรวจสอบใบเสร็จอย่างละเอียด พบว่า การรักษาพ่อใช้หมอถึง 3 คน หมอฉุกเฉิน 1 คน หมออายุรกรรม 2 คน ส่วนผลตรวจแลปก็ตรวจเกินอาการ ตรวจแม้กระทั่งไขสันหลัง ทั้งที่หมอก็รู้ว่าพ่อติดเชื้อและให้ยาฆ่าเชื้อ นอกจากนี้ยังพบว่าเก็บค่ารักษาเกิน อาทิ

น้ำเกลือ พ่อได้รับน้ำเกลือ 1 ถุง แต่เขียน 2 ถุง

ค่าเหยือกน้ำในห้อง

ค่าถ้วยเก็บเสมหะ ซึ่งพ่อไม่ได้ใช้อุปกรณ์นี้ และในห้องก็ไม่มี

แต่ทางโรงพยาบาล บอกว่า เป็นของใช้ส่วนบุคคลต้องเก็บค่าใช้จ่าย แต่ในเมื่อผู้ป่วยไม่ได้ใช้แต่ก็เก็บ

ที่สำคัญผลตรวจแลปเพาะเชื้อ 5 วัน พบว่า แต่ละวันการเพาะเชื้อจะต้องมีการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลง แต่โรงพยาบาลนี้กลับแจ้งผลตรวจแค่วันเดียว และวันที่เหลือก็แค่เปลี่ยนวันที่แต่ทุกอย่างเหมือนเดิม ตนจึงสงสัยว่าไม่ได้มีการตรวจจริงหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้ไปถามหมอหลายโรงพยาบาลก็บอกตรงกันว่า ไม่มีโรงพยาบาลไหนเพาะเชื้อแบบนี้ และหลังจากที่พ่อออกจากโรงพยาบาล ก็ไม่ได้ระบุว่าพ่อตนป่วยด้วยโรคอะไร

ส่วนตัวมองว่า การเก็บค่ารักษาพยาบาลที่แพง การวินิจฉัยโรคที่ไม่ละเอียด และการสั่งตรวจทางแลปที่เกินอาการของผู้ป่วยนั้น เป็นการกระทำที่สมควรหรือไม่ จึงมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ เบื้องต้นแจ้งร้องเรียนที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว

ขณะที่โรงพยาบาลดังกล่าว ได้ชี้แจงกับตนว่า เป็นมาตราฐานในการให้บริการ และขออภัยหากเก็บค่าบริการบางอย่างเกินราคา จึงขอมอบส่วนลดให้กับตน ซึ่งตนมองว่าไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า ได้มีการสอบถามรายละเอียดเรื่องนี้กับโรงพยาบาลดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นทางโรงพยาบาลยังไม่สะดวกให้ข้อมูล ตอนนี้กำลังตรวจสอบแก้ไข และสอบถามกับทีมแพทย์ที่รักษาคนไข้รายนี้อยู่ฃ

ขอบคุณข้อมูล เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ