มาแน่ คนละครึ่งเฟส 3 หลังสงกรานต์

มาแน่ คนละครึ่งเฟส 3 หลังสงกรานต์

มาแน่ กระทรวงการคลังไฟเขียว คนละครึ่งเฟส 3 หลังสงกรานต์นี้ เบื้องต้นเตรียมขยายฐานผู้ใช้งานจากปัจจุบัน 15 ล้านคน ด้านผู้ใช้รายเก่า เพียงเข้าไปกดยืนยันตัวตน สามารถใช้งานได้เลย น.ส.กุลย า ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ซึ่งจะไม่ได้ต่อโครงการทันทีที่จบ เฟส 2 ในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ คาดว่าโครงการจะออกมาได้หลังจากที่โครงการเราชนะ และ ม.33เรารักกัน สิ้นสุดในช่วงเดือนพฤษภาคม 2564

โดยผู้ได้รับสิทธิรายเดิมอาจจะไม่ต้องลงทะเบียนใหม่อีกครั้ง เนื่องจากมีข้อมูลในแอพพลิเคชั่น เป๋าตังแล้ว เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ยังมีอยู่ถึงช่วงเดือน พ.ค.นี้ ซึ่งในช่วงก่อนเม็ดเงินจะหมดก็ต้องมาสรุปอีกครั้ง เพื่อให้มีเม็ดเงินออกมาดูแลเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะใช้งบประมาณจาก พ.ร.ก.กู้เงิน ในก้อนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งมีวงเงินเหลืออยู่กว่า 2 แสนล้านบาท น.ส.กุลยากล่าว

น.ส.กุลยากล่าวว่า ประเมินว่าผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ตั้งแต่โครงการคนละครึ่ง เราชนะ เป็นต้น จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งปี 2564 ได้ 0.8% ส่วนเป้าหมายที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วางไว้ว่าอยากให้ปีนี้เศรษฐกิจโต 4% นั้น ก็จะต้องติดตามว่ามีมาตรการส่วนใดบ้างที่สามารถช่วยสนับสนุนได้

และยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการฉีดวัคซีน ซึ่งหากมีการฉีดทั่วโลก อาจจะช่วยให้การท่องเที่ยวกับมาได้ น.ส.กุลยากล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าของโครงการเราชนะ ณ วันที่ 23 มีนาคม มีผู้ได้รับสิทธิในโครงการ รวมทั้งสิ้นจำนวน 32.4 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 150,319 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 58,968 ล้านบาท

กลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอพพลิเคชั่น เป๋าตัง ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และคนละครึ่ง และกลุ่มที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองและยืนยันสิทธิแล้ว จำนวน 16.7 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิสะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 83,926 ล้านบาท

และ กลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.0 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิสะสมตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จำนวน 7,425 ล้านบาท ส่วนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการมีจำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.2 ล้านกิจการ

ขอบคุณ มติชนออนไลน์

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ